SCHOOL INFO
สรุปภาพรวมการตรวจราชการ
โรงเรียนที่เป็นหน่วยรับตรวจทั้งหมด 385 โรงเรียน
ทำแบบสรุปแล้วจำนวน 160 โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 41.56
สรุปการลงพื้นที่ตรวจราชการและติดตามประเมินผลการขับเคลื่อนนโยบายการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
1. ด้านการพัฒนาครูและการจัดการเรียนการสอน
1.1 การจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนทุกระดับมีส่วนร่วมสร้างสรรค์การเรียนรู้ เพื่อให้เกิดสมรรถนะหลักและการพัฒนาตนเองตามความถนัดและความสนใจ (Active Learning)
1) สภาพความก้าวหน้า
การนำไปใช้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชา ระบุ
การนำไปใช้ในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนระบุ
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
2) ปัญหาและอุปสรรค
ด้านครูผู้สอน
ครูไม่ได้รับการอบรม/พัฒนาวิธีการจัดการเรียนการสอน แบบ Active Learning คิดเป็นร้อยละ 23.93 (28/117)
ครูขาดขวัญ กำลังใจ หรือแรงกระตุ้นในการจัดการเรียนการสอน คิดเป็นร้อยละ 6.84 (8/117)
ครูขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning คิดเป็นร้อยละ 29.91 (35/117)
ครูมีภาระงานมาก คิดเป็นร้อยละ 43.59 (51/117)
อื่น ๆ (ถ้ามี) ระบุ
ด้านการบริหารจัดการ
ผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญกับการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning คิดเป็นร้อยละ 5.88 (5/85)
นโยบายขาดความต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 44.71 (38/85)
ขาดการมีส่วนร่วม คิดเป็นร้อยละ 16.47 (14/85)
ขาดการนิเทศ ติดตาม หรือผู้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning คิดเป็นร้อยละ 36.47 (31/85)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
ขาดสื่อ วัสดุอุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอนของผู้เรียน คิดเป็นร้อยละ 40.00 (60/150)
เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว อุปกรณ์ไม่ทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 36.00 (54/150)
ขาดผู้ดูแล หรือซ่อมแซมสื่อ วัสดุอุปกรณ์ คิดเป็นร้อยละ 27.33 (41/150)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 8.05 (31/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 19.48 (75/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 4.42 (17/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
1.2 การจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองให้มีความทันสมัยสอดรับกับวิถีใหม่เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น และการเสริมสร้างวิถีชีวิตของความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง
1) สภาพความก้าวหน้า
สถานศึกษามีการจัดกิจกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันที่แสดงถึงความตระหนักและเห็นคุณค่าในประวัติศาสตร์ สังคม วัฒนธรรมของครอบครัว สถานศึกษาและชุมชน คิดเป็นร้อยละ 15.60 (105/673)
สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับผู้อื่นโดยรักษาสิทธิของตน เคารพสิทธิของผู้อื่น และรับผิดชอบตามบทบาทหน้าที่ของตนเอง และสิ่งแวดล้อม คิดเป็นร้อยละ 16.34 (110/673)
สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนกำกับตนเองในการใช้จ่ายของตนเอง และครอบครัว คิดเป็นร้อยละ 12.04 (81/673)
สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นใฝ่ทำความดี และอยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วยดีบนหลักปฏิบัติของศาสนาที่นับถือ คิดเป็นร้อยละ 15.75 (106/673)
สถานศึกษาได้พัฒนาสื่อที่ทันสมัย สอดรับกับวิถีใหม่เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน คิดเป็นร้อยละ 9.51 (64/673)
สถานศึกษามีการบูรณาการด้านการผลิตและการใช้สื่อการเรียนการสอนร่วมกับสถานศึกษาอื่น คิดเป็นร้อยละ 5.65 (38/673)
สถานศึกษาเปลี่ยนวิธีการสอนเป็น แนว Active learning และเสริมทักษะในการค้นคว้าหาความรู้กระแสหลัก กระแสรองในทางประวัติศาสตร์ให้เด็กสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง คิดเป็นร้อยละ 9.66 (65/673)
สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนคิดเป็น วิจารณ์เนื้อหาได้ แลแสร้างองค์ความรู้ใหม่ คิดเป็นร้อยละ 8.32 (56/673)
สถานศึกษาสามารถจัดการเรียนการสอนไม่ให้ผู้เรียนเบื่อที่จะเกิดการวิเคราะห์เรียนรู้ สิ่งรอบตัวแม้บางเนื้อหาที่ผู้เรียนเห็นในหนังสือเรียน ไม่ตรงกับความจริงที่เกิดขึ้น คิดเป็นร้อยละ 9.06 (61/673)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
ด้านครูผู้สอน (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
ครูขาดการพัฒนาเทคนิคและวิธีการจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองให้น่าสนใจ คิดเป็นร้อยละ 30.41 (45/148)
ครูยังไม่มีความพร้อมในการนำเทคนิค วิธีการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบสื่อออนไลน์ หรือเทคโนโลยีมาประกอบการสอนวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง คิดเป็นร้อยละ 20.27 (30/148)
ครูขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน Active Learning มาประยุกต์ใช้ คิดเป็นร้อยละ 19.59 (29/148)
ครูผู้สอนมีภาระงานมาก คิดเป็นร้อยละ 33.11 (49/148)
อื่น ๆ (ถ้ามี) ระบุ
ด้านการบริหารจัดการ (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
ผู้บริหารสถานศึกษาไม่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองให้มีความทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 6.72 (8/119)
นโยบายขาดความต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 24.37 (29/119)
ขาดการมีส่วนร่วมระหว่างปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ปกครอง สถานศึกษาและผู้เรียนในการสร้างการเรียนรู้เกี่ยวกับการสอนประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองให้มีความทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 35.29 (42/119)
ผู้เรียนไม่ค่อยสนใจในการเรียนเกี่ยวกับวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง เพราะคิดว่าน่าเบื่อ ไม่ทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 36.97 (44/119)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
บริเวณที่ตั้งของสถานศึกษาขาดแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชุมชนท้องถิ่นที่น่าสนใจ คิดเป็นร้อยละ 30.77 (32/104)
ขาดสื่อ เทคโนโลยี วัสดุอุปกรณ์ที่ทันสมัยมาสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์วิถีใหม่ คิดเป็นร้อยละ 72.12 (75/104)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 6.75 (26/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 19.48 (75/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 4.68 (18/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
1.3 การพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกประเภทให้มีสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัล รวมทั้งการจัดการเรียนการสอน
1) สภาพความก้าวหน้า
(1) ครูได้รับการพัฒนาด้านสมรรถนะทางภาษาหรือไม่
ได้รับการพัฒนา คิดเป็นร้อยละ 22.34 (86/385)
ไม่ได้รับการพัฒนา (ข้ามไปตอบข้อ (5) คิดเป็นร้อยละ 9.61 (37/385)
(2) ครูได้รับการพัฒนาด้านสมรรถนะทางภาษาโดยหน่วยงานใด
สพฐ./สอศ./สช./กศน. คิดเป็นร้อยละ 45.45 (45/99)
สพป./สพม./ศธจ./กศจ.จังหวัด คิดเป็นร้อยละ 35.35 (35/99)
หน่วยงานภายนอก เช่น มหาวิทยาลัย คิดเป็นร้อยละ 21.21 (21/99)
อื่นๆ ระบุ
ได้นำไปใช้ ระบุ
ไม่ได้นำไปใช้ คิดเป็นร้อยละ 1.04 (4/385)
(4) ครูมีการนำสมรรถนะด้านภาษาไปขยายผลให้กับครูใน/นอกสถานศึกษาหรือไม่อย่างไร
มี ระบุ
ไม่มี คิดเป็นร้อยละ 10.13 (39/385)
(5) ครูได้รับการพัฒนาด้านสมรรถนะทางด้านดิจิทัลหรือไม่
ได้รับ
ไม่ได้รับ (ข้ามไปตอบข้อ 2) คิดเป็นร้อยละ 4.94 (19/385)
(6) ครูได้รับการพัฒนาด้านสมรรถนะทางด้านดิจิทัลโดยหน่วยงานใด
สพฐ./สอศ./สช./กศน. คิดเป็นร้อยละ 49.23 (64/130)
สพป./สพม./ศธจ./กศจ.จังหวัด คิดเป็นร้อยละ 33.85 (44/130)
หน่วยงานภายนอก เช่น มหาวิทยาลัย คิดเป็นร้อยละ 17.69 (23/130)
อื่นๆ ระบุ
มี ระบุ
ไม่มี (ข้ามไปตอบข้อ 2) คิดเป็นร้อยละ 2.86 (11/385)
(8) ครูสามารถนำสมรรถนะด้านดิจิทัลไปขยายผลให้กับครูใน/นอกสถานศึกษาได้หรือไม่อย่างไร
ได้ ระบุ
ไม่ได้ คิดเป็นร้อยละ 3.90 (15/385)
2) ปัญหาและอุปสรรค
ด้านครูผู้สอน
ครูขาดการพัฒนาสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัล คิดเป็นร้อยละ 34.26 (37/108)
ครูขาดขวัญและกำลังใจ หรือแรงกระตุ้นพัฒนาสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัล คิดเป็นร้อยละ 22.22 (24/108)
ครูมีภาระงานมาก คิดเป็นร้อยละ 47.22 (51/108)
อื่น ๆ (ถ้ามี) ระบุ
ด้านการบริหารจัดการ
นโยบายขาดความต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 20.72 (23/111)
ผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัลของครูและบุคลากรทางการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 7.21 (8/111)
ขาดงบประมาณสนับสนุน คิดเป็นร้อยละ 59.46 (66/111)
ขาดการนิเทศ ติดตาม คิดเป็นร้อยละ 17.12 (19/111)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
ขาดสื่อ วัสดุอุปกรณ์ ที่นำมาใช้ในการพัฒนาสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัล คิดเป็นร้อยละ 38.82 (66/170)
เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว อุปกรณ์ไม่ทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 33.53 (57/170)
ขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการพัฒนาสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัล คิดเป็นร้อยละ 30.00 (51/170)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 8.05 (31/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 16.36 (63/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 6.23 (24/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.52 (2/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
1.4 หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (หลักเกณฑ์ PA)
1) สภาพความก้าวหน้า
(1) ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ ว.9 (PA) และวิธีการอยู่ในระดับใด
มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 2.60 (10/385)
มาก คิดเป็นร้อยละ 11.95 (46/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 7.79 (30/385)
น้อย คิดเป็นร้อยละ 1.30 (5/385)
น้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 2.34 (9/385)
(2) ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการชี้แจงหรือหาความรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ ว.9 (PA) จากแหล่งใด (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
เว็ปไซต์ สำนักงาน ก.ค.ศ. คิดเป็นร้อยละ 20.33 (50/246)
หน่วยงานต้นสังกัดชี้แจง คิดเป็นร้อยละ 22.36 (55/246)
สพฐ. (สพป./สพม.) คิดเป็นร้อยละ 66.67 (46/69)
สอศ. คิดเป็นร้อยละ 5.80 (4/69)
กศน. คิดเป็นร้อยละ 15.94 (11/69)
สช. คิดเป็นร้อยละ 11.59 (8/69)
เพื่อนร่วมงาน คิดเป็นร้อยละ 17.48 (43/246)
สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ คิดเป็นร้อยละ 16.67 (41/246)
เว็ปไซต์ อาทิ ครูบ้านนอกดอทคอม, ครูไทย, ครูวันดีดอทคอม, สถานนีครูดอทคอม คิดเป็นร้อยละ 23.17 (57/246)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
2) ปัญหาและอุปสรรค
ด้านการประเมินผลการปฏิบัติงาน ระบุ
ด้านการประเมินวิทยฐานะ ระบุ
ด้านการเปลี่ยนหลักเกณฑ์การประเมินบ่อย ทำให้มีความยุ่งยากในการเตรียมเอกสารหลักฐานรองรับการประเมิน ระบุ
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับ หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (หลักเกณฑ์ PA) ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ว.9 (PA) อยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 2.86 (11/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 11.69 (45/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 8.05 (31/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
1.5 การขับเคลื่อนศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) และศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (Center of Vocational Manpower Networking Management : CVM)
1) สภาพความก้าวหน้า
(1) สภาพความก้าวหน้า ความสำเร็จของการดำเนินงานตามนโยบาย (มีเกณฑ์ตัวชี้วัดการประเมิน หรือตัวเลือกประเด็นหรือกิจกรรมที่ปฏิบัติในนโยบายนี้ เพื่อประกอบความก้าวหน้าความสำเร็จ)
กลุ่มทั่วไป (Standard) สาขาวิชา
กลุ่มเชี่ยวชาญเฉพาะ (Expert) สาขาวิชา
กลุ่มความเป็นเลิศ) (Excellent Center) สาขาวิชา
กลุ่มศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (Center of Vocational Manpower Networking Management : CVM) สาขาวิชา
(2) สถานศึกษามีผลการประเมินคุณภาพตามแนวทางการขับเคลื่อนศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) และศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (Center of Vocational Manpower Networking Management : CVM) อยู่ในระดับใด
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 1.04 (4/385)
ดี คิดเป็นร้อยละ 1.82 (7/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 1.04 (4/385)
พอใช้ คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
(3) เป้าหมายการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
สถานศึกษามีนวัตกรรมการบริหารจัดการสอดคล้องกับสภาพบริบท และตอบสนองความต้องการของชุมชน สังคม และยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ คิดเป็นร้อยละ 21.31 (13/61)
มีครุภัณฑ์และอุปกรณ์ สื่อ เทคโนโลยีดิจิทัล ทรัพยากร สิ่งสนับสนุนการศึกษา ที่เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอน คิดเป็นร้อยละ 9.84 (6/61)
สถานศึกษามีภาคีเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรทางวิชาชีพ สถานประกอบการ สถาบันการศึกษาอาชีวศึกษา/อุดมศึกษาทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ ในการพัฒนาทักษะทางวิชาการ ทักษะอาชีพ และการฝึกประสบการณ์ทักษะวิชาชีพของครู และผู้เรียน คิดเป็นร้อยละ 13.11 (8/61)
หลักสูตรมีความสอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ เชื่อมโยงสมรรถนะอาชีพในการท างานสู่ระบบคุณวุฒิทางการศึกษา หรือมาตรฐานอาชีพตามที่หน่วยงานซึ่งมีหน้าที่ให้การรับรองมาตรฐานกำหนดไว้ ในสาขาวิชาที่มีความเป็นเลิศ คิดเป็นร้อยละ 8.20 (5/61)
ครูมีสมรรถนะทางวิชาชีพที่ทันสมัย สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่สถานประกอบการใช้ในปัจจุบัน ตลอดจนมีทักษะการจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ คิดเป็นร้อยละ 13.11 (8/61)
ผู้เรียนมีสมรรถนะทางวิชาชีพในสาขาวิชาที่มีความเป็นเลิศ ตรงกับความต้องการของสถานประกอบการ คิดเป็นร้อยละ 6.56 (4/61)
สถานศึกษาเป็นศูนย์พัฒนาอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ การประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพในสาขาอาชีพที่สอดคล้องกับสาขาวิชา ที่มีความเป็นเลิศ ให้กับผู้เรียน ผู้สำเร็จการศึกษา ผู้ประกอบอาชีพ หรือ ประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างโอกาสการเข้าสู่โลกอาชีพและการมีงานทำ คิดเป็นร้อยละ 9.84 (6/61)
สถานศึกษามีระบบประกันคุณภาพที่เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษา เหมาะสมกับหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน สื่อเทคโนโลยี ทรัพยากรการเรียนรู้ และการประเมินการเรียนการสอน โดยมีการกำกับ ติดตาม และประเมินผลเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 18.03 (11/61)
2) ปัญหาและอุปสรรค
มาตรฐานอาชีพหรือมาตรฐานฝีมือแรงงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ครอบคลุมสาขาวิชา คิดเป็นร้อยละ 9.09 (2/22)
นโยบายขาดความต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 18.18 (4/22)
ครูผู้สอนมีวุฒิการศึกษาวิชาชีพ ไม่ตรงตามสาขาวิชาที่สอน คิดเป็นร้อยละ 22.73 (5/22)
ขาดห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ ครุภัณฑ์/อุปกรณ์ สื่อ ในการจัดการเรียนการสอนที่ทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 31.82 (7/22)
ผู้เรียนมีสมรรถนะไม่ตรงตามหลักสูตรกำหนด กับความต้องการของสถานประกอบการ คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/22)
สถานศึกษาขาดการเตรียมความพร้อมตามแนวทางการจัดการสถานศึกษา ภายใต้ศูนย์ คิดเป็นร้อยละ 9.09 (2/22)
ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) และศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (Center of Vocational Manpower Networking Management : CVM) ในการประเมินสมรรถนะผู้เรียนและการรับรองที่เอื้อต่อการพัฒนารายบุคคล คิดเป็นร้อยละ 9.09 (2/22)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 1.56 (6/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 2.86 (11/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 2.08 (8/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
1.6 ความปลอดภัยของผู้เรียน โดยการสร้างสถานศึกษาปลอดภัย และบริหารจัดการเชิงบูรณาการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
1) สภาพความก้าวหน้า
1) ครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้รับการส่งเสริม สนับสนุน ให้มีความรู้ ความเข้าใจในการสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงและภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ทุกรูปแบบ
ครบทุกประเภทภัยคุกคาม คิดเป็นร้อยละ 20.52 (79/385)
บางประเภทภัยคุกคาม คิดเป็นร้อยละ 12.99 (50/385)
ภัยยาเสพติด คิดเป็นร้อยละ 17.35 (55/317)
ภัยความรุนแรง คิดเป็นร้อยละ 10.73 (34/317)
ภัยพิบัติต่างๆ คิดเป็นร้อยละ 11.36 (36/317)
อุบัติเหตุ คิดเป็นร้อยละ 15.77 (50/317)
โรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ (เช่น CVID-19 เป็นต้น) คิดเป็นร้อยละ 20.19 (64/317)
ฝุ่น PM 2.5 คิดเป็นร้อยละ 9.46 (30/317)
การค้ามนุษย์ คิดเป็นร้อยละ 4.10 (13/317)
การคุกคามในชีวิตและทรัพย์สิน คิดเป็นร้อยละ 6.62 (21/317)
อาชญากรรมไซเบอร์ คิดเป็นร้อยละ 5.99 (19/317)
ไม่มี คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
2) การบริหารจัดการเชิงบูรณาการในสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สถานศึกษาได้ดำเนินงานหรือได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานใดบ้าง (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
กระทรวงศึกษาธิการ คิดเป็นร้อยละ 32.69 (119/364)
กระทรวงสาธารณสุข คิดเป็นร้อยละ 36.26 (132/364)
กรมการปกครอง คิดเป็นร้อยละ 18.41 (67/364)
ภาคเอกชน คิดเป็นร้อยละ 14.01 (51/364)
อื่นๆ (ระบุ)
มี
ไม่มี คิดเป็นร้อยละ 0.52 (2/385)
4) สถานศึกษามีแผนการดำเนินงาน/แผนเผชิญเหตุ/แนวทาง/คู่มือเพื่อความปลอดภัยของผู้เรียนในสถานศึกษา
มี
ไม่มี คิดเป็นร้อยละ 0.52 (2/385)
5) ผู้เรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมที่สถานศึกษาจัดเพื่อส่งเสริม สนับสนุนในการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงและภัยคุกคามรูปแบบใหม่ทุกรูปแบบ
ครบทุกประเภทภัยคุกคาม คิดเป็นร้อยละ 16.10 (62/385)
บางประเภทภัยคุกคาม คิดเป็นร้อยละ 13.51 (52/385)
ภัยยาเสพติด คิดเป็นร้อยละ 19.75 (62/314)
ภัยความรุนแรง คิดเป็นร้อยละ 9.87 (31/314)
ภัยพิบัติต่างๆ คิดเป็นร้อยละ 9.24 (29/314)
อุบัติเหตุ คิดเป็นร้อยละ 18.79 (59/314)
โรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ (เช่น CVID-19 เป็นต้น) คิดเป็นร้อยละ 22.29 (70/314)
ฝุ่น PM 2.5 คิดเป็นร้อยละ 7.01 (22/314)
การค้ามนุษย์ คิดเป็นร้อยละ 2.55 (8/314)
การคุกคามในชีวิตและทรัพย์สิน คิดเป็นร้อยละ 6.37 (20/314)
อาชญากรรมไซเบอร์ คิดเป็นร้อยละ 6.69 (21/314)
ไม่มี คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
2) ปัญหาและอุปสรรค
ผู้บริหารขาดความตระหนักในการสร้างความรู้ความเข้าใจกับการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ให้กับผู้เรียน คิดเป็นร้อยละ 20.00 (4/20)
ครูขาดขวัญกำลังใจ การคุ้มครองดูแลช่วยเหลือในการปฏิบัติงานภายในสถานศึกษา คิดเป็นร้อยละ 80.00 (16/20)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้เรียน โดยการสร้างสถานศึกษาปลอดภัยของสถานศึกษาท่าน ที่คิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 13.25 (51/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 17.66 (68/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 4.94 (19/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
2. ด้านการสร้างโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมกันทางสังคม
2.1 การค้นหาเด็กวัยเรียนหลุดจากระบบการศึกษา และติดตามให้ความช่วยเหลือเข้าสู่ระบบการศึกษา
1) สภาพความก้าวหน้า
สถานศึกษามีการค้นพบเด็กวัยเรียนที่หลุดจากระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน..............คน (ตัวเลข)
การติดตามให้ความช่วยเหลือเข้าสู่ระบบการศึกษา สำหรับเด็กที่อยู่ในการศึกษาภาคบังคับ จำนวน ................คน (ตัวเลข)
กศน. จำนวน................คน (ตัวเลข)
อาชีวศึกษา จำนวน ...........คน (ตัวเลข)
การติดตามให้ความช่วยเหลือผู้เรียนเข้าสู่ระบบการศึกษา สำหรับเด็กที่อายุเกิน 15 ปี จำนวน.............คน (ตัวเลข)
กศน. จำนวน................คน (ตัวเลข)
อาชีวศึกษา จำนวน ...........คน (ตัวเลข)
เข้าทำงานสถานประกอบการ จำนวน...............คน (ตัวเลข)
ประกอบอาชีพอื่นๆ จำนวน ................คน (ตัวเลข)
ด้านเศรษฐกิจ รายได้ของครอบครัว คิดเป็นร้อยละ 25.00 (50/200)
การย้ายถิ่นฐานตามผู้ปกครอง คิดเป็นร้อยละ 23.50 (47/200)
ความไม่พร้อมของผู้เรียน ด้านสติปัญญา ร่างกาย ฯลฯ คิดเป็นร้อยละ 14.50 (29/200)
ปัญหาของครอบครัว (หย่าร้าง /แยกกันอยู่) คิดเป็นร้อยละ 20.50 (41/200)
การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) คิดเป็นร้อยละ 19.50 (39/200)
อื่นๆ (ถ้ามี)
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 7.79 (30/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 11.43 (44/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 4.94 (19/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
2.2 การดูแลเด็กปฐมวัย ด้วยการส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กปฐมวัยทุกคนได้พัฒนาการสมวัย ได้รับโอกาสทางการศึกษาทั้งในและนอกระบบการศึกษา
1) สภาพความก้าวหน้า
(1) ผู้เรียนในระดับปฐมวัย (อนุบาล 3) ปีการศึกษา 2564 ทั้งหมด
จำนวน.............คน (ตัวเลข) จำแนกเป็น
ผู้เรียนปกติ จำนวน..........คน (ตัวเลข)
ผู้เรียนที่มีความบกพร่อง จำนวน.............คน (ตัวเลข)
(2) ผู้เรียนปกติ มีผลการประเมินพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์จิตใจ สังคม และสติปัญญา ผ่านเกณฑ์การประเมินพัฒนาการคุณภาพระดับ 3 ทั้ง 4 ด้าน
จำนวน..............คน (ตัวเลข)
คิดเป็นร้อยละ........... (เทียบจากผู้เรียนปกติ) (ตัวเลข)
2) ปัญหาและอุปสรรค
ขาดแคลนครูวิชาเอกปฐมวัย คิดเป็นร้อยละ 47.17 (25/53)
ครูผู้สอนระดับปฐมวัยสอนไม่ตรงวิชาเอก คิดเป็นร้อยละ 37.74 (20/53)
ครูไม่ครบชั้น (ครู 1 คน สอน 2 ระดับชั้น) คิดเป็นร้อยละ 22.64 (12/53)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการค้นหาเด็กวัยเรียนหลุดจากระบบการศึกษา และติดตามให้ความช่วยเหลือเข้าสู่ระบบการศึกษาของสถานศึกษาท่าน ที่คิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 4.94 (19/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 9.09 (35/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 3.90 (15/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
2.3 การสร้างโอกาสและการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับคนพิการ และผู้ด้อยโอกาสและผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษทั้งในและนอกระบบการศึกษา
1) สภาพความก้าวหน้า
ผู้เรียนที่เป็นผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาสและผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษทั้งในและนอกระบบการศึกษา เข้าถึงบริการการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 34.67 (52/150)
ผู้เรียนที่เป็นผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาสและผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษทั้งในและนอกระบบการศึกษา ได้รับการพัฒนาสมรรถภาพหรือบริการทางการศึกษาที่เหมาะสมตามความจำเป็น โปรดระบุรายละเอียด สถานศึกษามีการจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Program : IEP) สำหรับเด็กพิการเรียนรวม (9 ประเภท) และผ่านเกณฑ์การประเมินระบบการจัดการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 28.67 (43/150)
สถานศึกษามีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนและบริหารจัดการสถานศึกษาที่มีประสิทธิภาพ สามารถลดจำนวนเด็กด้อยโอกาส โดยให้เด็กทุกคนสามารถเข้าถึงและส่งเสริมเด็กด้อยโอกาสให้ได้รับการศึกษาเต็มตามศักยภาพ คิดเป็นร้อยละ 38.00 (57/150)
2) ปัญหาและอุปสรรค
สถานศึกษา/ผู้รับผิดชอบงานการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการและผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ ขาดความเชี่ยวชาญ ความชำนาญเฉพาะด้าน คิดเป็นร้อยละ 24.80 (31/125)
ผู้ปกครองบางส่วนขาดความรู้ ความเข้าใจและมีเจตคติที่ไม่ดีต่อความบกพร่องของเด็กและการส่งเด็กเข้ารับการพัฒนาในสถานศึกษา คิดเป็นร้อยละ 37.60 (47/125)
การพัฒนาและส่งเสริมผู้เรียน เป็นไปได้ยาก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื่อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คิดเป็นร้อยละ 40.80 (51/125)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการสร้างโอกาสและการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับคนพิการและผู้ด้อยโอกาสและผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษทั้งในและนอกระบบการศึกษาของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจอยู่ในระดับใดของการดำเนินงานเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนปฐมวัย
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 5.19 (20/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 11.17 (43/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 5.45 (21/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
3. ด้านความร่วมมือ
3.1 การจัดการศึกษาแบบทวิภาคีสู่คุณภาพมาตรฐาน ผ่านศูนย์อาชีวศึกษาทวิภาคีเขตพื้นที่
1) สภาพความก้าวหน้า
ตามแนวทางปฏิบัติจัดการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
ความร่วมมือกับสถานประกอบการ
ไม่มีความร่วมมือ คิดเป็นร้อยละ 3.64 (14/385)
มีความร่วมมือ คิดเป็นร้อยละ 5.71 (22/385)
ในพื้นที่บริการ คิดเป็นร้อยละ 4.94 (19/385)
นอกพื้นที่บริการ/นอกจังหวัด คิดเป็นร้อยละ 1.30 (5/385)
ต่างประเทศ คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
ความร่วมมือกับสถานประกอบการในการจัดการศึกษาระบบทวิภาคี
ไม่มีความร่วมมือ คิดเป็นร้อยละ 3.38 (13/385)
มีความร่วมมือกับสถานประกอบการอย่างเข้มข้น คิดเป็นร้อยละ 5.71 (22/385)
การพัฒนาหลักสูตร คิดเป็นร้อยละ 27.78 (10/36)
การพัฒนาครู คิดเป็นร้อยละ 13.89 (5/36)
การพัฒนานักเรียนนักศึกษา คิดเป็นร้อยละ 44.44 (16/36)
การสนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 13.89 (5/36)
(1) ด้านคุณภาพหลักสูตร
(1.1) ด้านการพัฒนาหลักสูตรรายวิชา ระดับคุณภาพในการพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะรายวิชาที่สอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการ อยู่ในระดับใด
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 2.08 (8/385)
ดี คิดเป็นร้อยละ 3.90 (15/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0.52 (2/385)
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
(1.2) ด้านการบริหารจัดการหลักสูตร ระดับคุณภาพในการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง อยู่ในระดับใด
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 1.56 (6/385)
ดี คิดเป็นร้อยละ 4.42 (17/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0.52 (2/385)
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
(1.3) ด้านทรัพยากรการจัดอาชีวศึกษา ระดับคุณภาพในการบริหารจัดการวัสดุ อุปกรณ์ ครุภัณฑ์ และพื้นที่ อยู่ในระดับใด
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 1.56 (6/385)
ดี คิดเป็นร้อยละ 3.12 (12/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 1.04 (4/385)
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
(1.4) ด้านคุณภาพผู้สำเร็จการศึกษา ผ่านเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานวิชาชีพของสถานศึกษาและหน่วยงานภายนอก อยู่ในระดับใด
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 1.82 (7/385)
ดี คิดเป็นร้อยละ 3.38 (13/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0.52 (2/385)
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
(1.5) ด้านคุณภาพผู้สำเร็จการศึกษา ระบบทวิภาคีที่ได้งานทำหรือประกอบอาชีพอิสระ อยู่ในระดับใด
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 2.34 (9/385)
ดี คิดเป็นร้อยละ 2.60 (10/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 1.04 (4/385)
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
(2) ด้านคุณภาพผู้สำเร็จการศึกษา
(2.1) ด้านทักษะและความสามารถในการปฏิบัติงาน ผู้เรียนชั้นปีสุดท้ายที่มีคุณลักษณะตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพ (VQ) อยู่ในระดับใด
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 1.30 (5/385)
ดี คิดเป็นร้อยละ 3.64 (14/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 1.04 (4/385)
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
(2.2) ด้านทักษะและความสามารถในการปฏิบัติงาน ผู้เรียนผ่านการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง อยู่ในระดับใด
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 2.34 (9/385)
ดี คิดเป็นร้อยละ 2.86 (11/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0.78 (3/385)
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
(2.3) ด้านความพึงพอใจของสถานประกอบการที่มีต่อคุณภาพของผู้สำเร็จการศึกษา อยู่ในระดับใด
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 1.56 (6/385)
ดี คิดเป็นร้อยละ 3.64 (14/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0.78 (3/385)
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
2) ปัญหาและอุปสรรค
ด้านครูผู้สอน
ครูไม่เข้าใจการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี คิดเป็นร้อยละ 33.33 (3/9)
ครูขาดขวัญและกำลังใจ การจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี คิดเป็นร้อยละ 66.67 (6/9)
อื่น ๆ (ถ้ามี) ........................................ (ข้อความ)
ด้านการบริหารจัดการ
สถานศึกษามีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารบ่อย ทำให้ขาดความต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 21.05 (4/19)
ผู้เรียน และผู้ปกครองไม่เข้าใจการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี คิดเป็นร้อยละ 21.05 (4/19)
สถานประกอบการมีข้อจำกัดในการรับผู้เรียนเข้ารับการฝึกวิชาชีพ คิดเป็นร้อยละ 57.89 (11/19)
อื่นๆ (ถ้ามี)............................................... (ข้อความ)
ผู้เรียนขาดทักษะ Sft Skill คิดเป็นร้อยละ 8.33 (2/24)
ผู้เรียนไม่ปรับตัวเข้ากับสถานประกอบการ คิดเป็นร้อยละ 25.00 (6/24)
ผู้เรียนเลือกฝึกวิชาชีพใกล้บ้าน ซึ่งไม่ตรงกับสาขาวิชาที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด คิดเป็นร้อยละ 29.17 (7/24)
ค่าใช้จ่ายในการฝึกวิชาชีพ คิดเป็นร้อยละ 37.50 (9/24)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
อื่นๆ ระบุ
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีสู่คุณภาพมาตรฐาน ผ่านศูนย์อาชีวศึกษาทวิภาคีเขตพื้นที่ของสถานศึกษาท่าน ที่คิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.78 (3/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 3.38 (13/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 1.56 (6/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
3.2 การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทุกช่วงวัย โดยการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย และสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อการพัฒนาทักษะอาชีพ โดยการเพิ่มพูนทักษะ (Re-skill) พัฒนาทักษะ (Up skill) และการเรียนรู้ทักษะใหม่ (New skills)
1) สภาพความก้าวหน้า
ด้านหลักสูตร
หลักสูตรเพื่อการพัฒนาอาชีพ Re-skill/Up-Skill/New skills คิดเป็นร้อยละ 36.23 (25/69)
จำนวน.................หลักสูตร (ตัวเลข)
จำนวนผู้เข้ารับการพัฒนา .....................คน (ตัวเลข)
หลักสูตรกลุ่มอาชีพเกษตรกรรม คิดเป็นร้อยละ 18.84 (13/69)
จำนวน.................หลักสูตร (ตัวเลข)
จำนวนผู้เข้ารับการพัฒนา .....................คน (ตัวเลข)
หลักสูตรกลุ่มอาชีพความคิดสร้างสรรค์ คิดเป็นร้อยละ 17.39 (12/69)
จำนวน.................หลักสูตร (ตัวเลข)
จำนวนผู้เข้ารับการพัฒนา .....................คน (ตัวเลข)
หลักสูตรกลุ่มอาชีพอุตสาหกรรม คิดเป็นร้อยละ 13.04 (9/69)
จำนวน.................หลักสูตร (ตัวเลข)
จำนวนผู้เข้ารับการพัฒนา .....................คน (ตัวเลข)
หลักสูตรกลุ่มอาชีพเฉพาะทาง คิดเป็นร้อยละ 14.49 (10/69)
จำนวน.................หลักสูตร (ตัวเลข)
จำนวนผู้เข้ารับการพัฒนา .....................คน (ตัวเลข)
อื่นๆ ระบุ
จำนวนผู้เข้ารับการพัฒนา .....................คน (ตัวเลข)
ด้านกระบวนการพัฒนา
แบบอบรม/สัมมนา แบบรวมกลุ่ม มีวิทยากรบรรยาย คิดเป็นร้อยละ 44.44 (28/63)
แบบสื่อออนไลน์ ผ่านระบบ Zm หรือแอพพลิเคชั่นต่างๆ คิดเป็นร้อยละ 23.81 (15/63)
แบบเรียนรู้ด้วยตัวเอง คิดเป็นร้อยละ 31.75 (20/63)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
ระยะเวลาในการพัฒนาไม่สัมพันธ์กับงบประมาณที่จัดสรร คิดเป็นร้อยละ 16.90 (12/71)
นโยบายขาดความต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 16.90 (12/71)
ขาดการมีส่วนร่วม คิดเป็นร้อยละ 5.63 (4/71)
ขาดบุคลากรที่มีความชำนาญเฉพาะด้านในแต่ละหลักสูตร คิดเป็นร้อยละ 19.72 (14/71)
วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือในการพัฒนาไม่เพียงพอ และไม่ทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 30.99 (22/71)
รูปแบบการพัฒนายังยึดติดกับเนื้อหามากกว่าทักษะกระบวนการ คิดเป็นร้อยละ 9.86 (7/71)
อื่นๆ ระบุ
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่านที่คิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี)** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 3.38 (13/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 7.01 (27/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 3.12 (12/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
4. ด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
4.1 การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วมและการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน
1) สภาพความก้าวหน้า
(1) การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน
(1.1) การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษา
สถานศึกษามีการจัดทำ/นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษา ทุกระดับการศึกษา ระบุ
ครูได้รับการพัฒนาการจัดทำสื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัยและนำมาปรับใช้ในการเรียนการสอน คิดเป็นร้อยละ 30.17 (89/295)
สถานศึกษามีการส่งเสริม สนับสนุน โดยการจัดการเรียนการสอน/กิจกรรม เพื่อให้ผู้เรียนได้รับ การส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน คิดเป็นร้อยละ 31.53 (93/295)
(2) รูปแบบการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษาภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
On-Site (การจัดการเรียนการสอนตามปกติ) คิดเป็นร้อยละ 24.39 (80/328)
On Air (การเรียนการสอนผ่านทีวี/ผ่านระบบดาวเทียม/ระบบเคเบิลทีวี/ระบบ IPTV/ระบบ Zoom) คิดเป็นร้อยละ 10.98 (36/328)
Online (การเรียนการสอนผ่านอินเตอร์เน็ต) คิดเป็นร้อยละ 24.39 (80/328)
On Hand (การจัดการเรียนการสอนโดยนำหนังสือ แบบฝึกหัด ใบงาน ไปเรียนรู้ที่บ้านภายใต้ความช่วยเหลือของผู้ปกครอง) คิดเป็นร้อยละ 26.52 (87/328)
On-Demand (การเรียนการสอนผ่านเว็บไซต์ DLTV ช่อง Youtube และแอพลิเคชัน DLTV บนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต และอื่นๆ) คิดเป็นร้อยละ 15.24 (50/328)
รูปแบบผสมผสาน ระบุ
2) ปัญหาและอุปสรรค
ครูขาดการพัฒนาในการจัดทำสื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัยและนำมาปรับใช้ในการเรียนการสอน คิดเป็นร้อยละ 16.50 (34/206)
ครูไม่มีความชำนาญในการใช้สื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 20.39 (42/206)
ผู้เรียนขาดแคลนอุปกรณ์และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต สำหรับการเรียนการสอน คิดเป็นร้อยละ 39.32 (81/206)
ผู้เรียนขาดการมีส่วนร่วมในการเรียน คิดเป็นร้อยละ 25.73 (53/206)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 7.79 (30/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 17.66 (68/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 4.42 (17/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
1.1 การจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนทุกระดับมีส่วนร่วมสร้างสรรค์การเรียนรู้ เพื่อให้เกิดสมรรถนะหลักและการพัฒนาตนเองตามความถนัดและความสนใจ (Active Learning)
1) สภาพความก้าวหน้า
การนำไปใช้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชา ระบุ
การนำไปใช้ในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนระบุ
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
2) ปัญหาและอุปสรรค
ด้านครูผู้สอน
ครูไม่ได้รับการอบรม/พัฒนาวิธีการจัดการเรียนการสอน แบบ Active Learning คิดเป็นร้อยละ 23.93 (28/117)
ครูขาดขวัญ กำลังใจ หรือแรงกระตุ้นในการจัดการเรียนการสอน คิดเป็นร้อยละ 6.84 (8/117)
ครูขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning คิดเป็นร้อยละ 29.91 (35/117)
ครูมีภาระงานมาก คิดเป็นร้อยละ 43.59 (51/117)
อื่น ๆ (ถ้ามี) ระบุ
ด้านการบริหารจัดการ
ผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญกับการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning คิดเป็นร้อยละ 5.88 (5/85)
นโยบายขาดความต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 44.71 (38/85)
ขาดการมีส่วนร่วม คิดเป็นร้อยละ 16.47 (14/85)
ขาดการนิเทศ ติดตาม หรือผู้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning คิดเป็นร้อยละ 36.47 (31/85)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
-> 1. ในพื้นที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 2. การจัดการเรียนรู้ตามวิถีใหม่ ทำให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active learning เป็นไปอย่างจำกัด เพื่อความปลอดภัยอย่างสูงสุดของผู้เรียนด้านสื่อ วัสดุอุปกรณ์
-> ขาดงบประมาณที่เพียงพอ
-> การนิเทศไม่ต่อเนื่อง
-> ผู้เรียนต่างก็มีอาชีพการงานที่รับผิดชอบ ทำให้มีเวลาว่างที่ตรงกันยาก คนหนึ่งว่าง อีกคนไม่ว่าง ทำให้ปรับความคิดกันลำบาก แต่ต่างก็พยายามปรับความคิดที่จะพัฒนานวัตกรรมที่จะแก้ปัญหาให้ได้มากที่สุด
-> สถานการณ์โควิดทำให้การบริหารจัดการมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไม่เกิดความต่อเนื่อง
-> ด้านการบริหารหลักสูตร อยู่ในระหว่างปรับปรุงหลักสูตรฐานสมรรถนะ
-> การเรียนการสอนไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้กิจกรรมไม่ต่อเนื่อง
-> ยังต้องใช้ระยะเวลาในการปรับเปลี่ยนกระบวนการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอนเพื่อมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีส่วนสร้างสรรค์การเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ตามความถนัดและความสนใจ
-> 1).การบริหารจัดการในชั้นเรียนในรูปแบบ Active Learning เป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการลงมือทำ โดยครูผู้สอนได้มอบหมายให้นักเรียนไปปฏิบัติจริงที่บ้าน เพื่อส่งเสริมให้เกิดทักษะการเรียนรู้ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริง อาทิ การปลูกต้นไม้ การตอนกิ่ง เป็นต้น 2)ครูผู้สอนใช้เทคนิคการเรียนการสอนที่หลากหลาย อาทิ การสาธิต การทดลอง หรืออื่นใด เพื่อให้นักเรียนมีการคิด วิเคราะห์ ค้นหาคำตอบภายในชั่วโมงเรียน ซึ่งเป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่า และครอบคลุมในเนื้อหาของบทเรียน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ควรมีการลดระยะเวลาของการรวมกลุ่ม 3)ครูใช้การสอนแบบ New Normal หากไม่สามารถจัดการเรียนการสอนแบบ Onsite ได้ อาทิ การสอนแบบ Online โดยใช้ Google Meet Zoom และ On hand โดยรับใบงาน/ใบความรู้/อื่นใดที่ส่งเสริมให้นักเรียนมีความรู้ มีทักษะ และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันให้เหมาะสมตามช่วงวัย/ช่วงชั้น
-> นิเทศ ติดตาม ผ่านระบบออนไลน์
-> ผู้บริหารสนับสนุนให้ครูผู้สอนอบรมกิจกรรม Active Learning ตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วังจันเกษม นัด ๑ และนัด ๒ เพื่อให้ครูได้รับความรู้และนำมาปรับใช้กับ และผู้บริหารให้ความสำคัญต่อการจัดการเรียนการสอนโดยมีการจัดทำการประเมินห้องเรียนคุณภาพขึ้น
-> ขาดการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาครูและบุคลากรที่พอเพียงจากหน่วยงานของรัฐ/เอกชนที่เกี่ยวข้อง
-> ครูครบตามเกณฑ์ แต่ยังขาดแคลนครูบางกลุ่มสาระ เช่น ปฐมวัยและคณิตศาสตร์
-> การส่งครูเข้ารับการอบรมการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning มีจำนวนน้อย
-> การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไว้รัสโคโรนา (COVID-19)ส่งผลต่อการบริหารจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน
-> การจัดสรรงบประมาณ
ขาดสื่อ วัสดุอุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอนของผู้เรียน คิดเป็นร้อยละ 40.00 (60/150)
เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว อุปกรณ์ไม่ทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 36.00 (54/150)
ขาดผู้ดูแล หรือซ่อมแซมสื่อ วัสดุอุปกรณ์ คิดเป็นร้อยละ 27.33 (41/150)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
-> 1. ในพื้นที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) การจัดการเรียนรู้ตามวิถีใหม่ ทำให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active learning เป็นไปอย่างจำกัด เพื่อความปลอดภัยอย่างสูงสุดของผู้เรียนอื่นๆ ระบุ
-> อาคารสถานที่ ห้องปฏิบัติการ พื้นที่จัดเก็บไม่เพียงพอ
-> เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว อุปกรณ์ไม่ทันสมัย
-> ขาดบุลลากรสนับสนุน (ครูธุรการและนักการภารโรง)
-> ขาดงบประมาณในการจัดทำสื่อ เพราะการสอนแบบ Active Learning ต้องใช้งบประมาณมาก
-> ยังขาดงบประมาณในการขยายสัญญาณ wifi ให้ครอบคลุมในทุกอาคารเรียน
-> ครูผู้สอนบางส่วนยังขาดทักษะในการสร้างสื่อการสอนที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในปัจจุบัน
-> ระบุ เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้โรงเรียนต้องจัดการเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์ การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning บางกิจกรรมต้องมีสื่อหรืออุปกรณ์ซึ่งนักเรียนไม่มีที่บ้าน
-> ผู้เรียนมีอุปกรณ์ในการเรียนออนไลน์ไม่ครบทุกคน
-> ครูมีการอบรมและผลิตสื่อที่หลากหลายตามความเหมาะสมศักยภาพของผู้เรียน
-> วัสดุอุปกรณ์ เทคโนโลยีมีไม่เพียงพออ
-> การใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการเรียนการสอน อาจมีปัญหาสาหรับเด็กปฐมวัย เนื่องจากเด็กในวัยนี้ค่อนข้างมีสมาธิในการเรียนสั้น
-> ไม่สามารถจัดหาสื่อที่ต้องการเนื่องจากติดในระเบียบการจัดซื้อวัสดุ ครุภัณฑ์
-> อยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโรงเรียนยังไม่ได้ดำเนินการเพื่อป้องกันและปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างและการร่วมกิจกรรม3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
-> สถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
-> สถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้ไม่สามารถจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ได้
-> ทางโรงเรียนต้องจัดสรรงบประมาณจำนวนมากในการจัดหาสื่อ อุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอน จัดเทคโนโลยีให้มีความทันสมัยและเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน จากสถานการณ์โควิด-19ต้องจัดการเรียนการสอนรูปแบบออนไลน์เพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้มากที่สุด
-> งบประมาณสนับสนุนด้านสื่อและเทคโนโลยี
-> อาทิ อุปกรณ์ที่ทันสมัย ไม่สามารถซื้อได้ในเงินงบประมาณ
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 8.05 (31/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 19.48 (75/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 4.42 (17/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
1.2 การจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองให้มีความทันสมัยสอดรับกับวิถีใหม่เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น และการเสริมสร้างวิถีชีวิตของความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง
1) สภาพความก้าวหน้า
สถานศึกษามีการจัดกิจกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันที่แสดงถึงความตระหนักและเห็นคุณค่าในประวัติศาสตร์ สังคม วัฒนธรรมของครอบครัว สถานศึกษาและชุมชน คิดเป็นร้อยละ 15.60 (105/673)
สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับผู้อื่นโดยรักษาสิทธิของตน เคารพสิทธิของผู้อื่น และรับผิดชอบตามบทบาทหน้าที่ของตนเอง และสิ่งแวดล้อม คิดเป็นร้อยละ 16.34 (110/673)
สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนกำกับตนเองในการใช้จ่ายของตนเอง และครอบครัว คิดเป็นร้อยละ 12.04 (81/673)
สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นใฝ่ทำความดี และอยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วยดีบนหลักปฏิบัติของศาสนาที่นับถือ คิดเป็นร้อยละ 15.75 (106/673)
สถานศึกษาได้พัฒนาสื่อที่ทันสมัย สอดรับกับวิถีใหม่เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน คิดเป็นร้อยละ 9.51 (64/673)
สถานศึกษามีการบูรณาการด้านการผลิตและการใช้สื่อการเรียนการสอนร่วมกับสถานศึกษาอื่น คิดเป็นร้อยละ 5.65 (38/673)
สถานศึกษาเปลี่ยนวิธีการสอนเป็น แนว Active learning และเสริมทักษะในการค้นคว้าหาความรู้กระแสหลัก กระแสรองในทางประวัติศาสตร์ให้เด็กสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง คิดเป็นร้อยละ 9.66 (65/673)
สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนคิดเป็น วิจารณ์เนื้อหาได้ แลแสร้างองค์ความรู้ใหม่ คิดเป็นร้อยละ 8.32 (56/673)
สถานศึกษาสามารถจัดการเรียนการสอนไม่ให้ผู้เรียนเบื่อที่จะเกิดการวิเคราะห์เรียนรู้ สิ่งรอบตัวแม้บางเนื้อหาที่ผู้เรียนเห็นในหนังสือเรียน ไม่ตรงกับความจริงที่เกิดขึ้น คิดเป็นร้อยละ 9.06 (61/673)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
-> การจัดการเรียนการสอนโดยบูรณาการกับกิจกรรมอื่นๆ - นักเรียนร่วมกิจกรรมหน้าเสาธง เพื่อแสดงความเคารพสามสถาบันหลักคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยความจงรักภักดี และด้วยความศรัทธาเลื่อมใสในศาสนาที่ตนนับถือ - นักเรียนร่วมกิจกรรมประชาธิปไตย โรงเรียนมีกิจกรรมในการปลูกฝังวิถีประชาธิปไตยให้กับนักเรียน โดยการส่งเสริมให้นักเรียนทุกคนได้เรียนรู้ ร่วมกิจกรรม นำหลักปฏิบัติตามวิถีประชาธิปไตยไปใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ มีการส่งเสริมกิจกรรมการเลือกตั้ง เช่น การเลือกตั้งหัวหน้าห้อง ประธานชุมนุม ดังเช่นการเลือกประธานนักเรียนของโรงเรียนหนองโตง”สุรวิทยาคม” ที่ผ่านมา นักเรียนได้ฝึกการใช้สิทธิ์ ตามขั้นตอนคือ แสดงตนขอรับบัตรเลือกตั้ง รับบัตรเลือกตั้ง เข้าคูหากากบาท หย่อนบัตรเลือกตั้ง เข้าออกให้ถูกตามช่องทางที่กำหนดให้ - นักเรียนร่วมปฏิบัติตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง เป็นกรอบแนวคิด ซึ่งมุ่งให้ทุกคนสามารถพึ่งพาตัวเองได้ รวมถึงการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น จนเกิดความยั่งยืน คำว่า พอเพียง คือ การดำเนินชีวิตแบบทางสายกลาง โดยตั้งอยู่บนหลักสำคัญสามประการ คือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกันที่ดี นักเรียนจึงน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน ด้วยการฝึกการใช้จ่ายเงินในสิ่งที่จำเป็นด้วยตนเอง ปลูกฝังนิสัยการออม ในโครงการออมทรัพย์ของโรงเรียน นักเรียนจะนำเงินออมมาฝากกับครูประจำชั้น และจะมีเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินมารับเงินออมทุกวันศุกร์ - กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ได้จัดกิจกรรมเสริมตามวิสัยทัศน์ของโรงเรียน คือ “นักเรียนมีความรู้คู่คุณธรรม น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียงเคียงคู่สิ่งแวดล้อม งามพร้อมวัฒนธรรมท้องถิ่น” ได้จัดกิจกรรมให้นักเรียนตั้งแต่สายชั้นอนุบาล1-สายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เข้าร่วมกิจกรรมอบรมคุณธรรม จริยธรรม ตามความเหมาะสม เช่น โครงการสู่ร่มอาราม (พานักเรียนเข้าไปเรียนรู้หลักธรรมและปฏิบัติจริงที่วัด) โครงการร่วมกิจกรรมเวียนเทียนในวันสำคัญทางศาสนาที่วัดจุมพลสุทธาวาส ร่วมงานประเพณีลอยกระทง โดยขอรับบริจาคกระทงและรางวัลสอยดาว จากผู้ปกครองเพื่อนำไปมอบให้กับทางวัดต่างๆในชุมชน เป็นประจำทุกปี การเพื่อปลูกฝังต้นกล้าในการทำความดี มุ่งเน้นให้นักเรียนใฝ่ทำความดีในชีวิตประจำวัน และอยู่กับผู้อื่นด้วยดีบนหลักปฏิบัติของศาสนาที่นับถือ2) ปัญหาและอุปสรรค
-> – โรงเรียนราชวินิตบางแก้วมีการจัดกิจกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันที่แสดงถึง ความตระหนักและเห็นคุณค่าในประวัติศาสตร์ สังคม วัฒนธรรมของครอบครัว สถานศึกษา และชุมชน เช่น การเข้าร่วมประเพณีรับบัวของอำเภอบางพลี เป็นประจำทุกปี โดยมีการแสดงวิถีชาวมอญ มีการจัดกิจกรรมวันสถาปนาโรงเรียนทุกวันที่ 9 มีนาคมของทุกปี เพื่อระลึกถึงพระบารมีปกเกล้าของรัชกาลที่ 9 ที่ทรงก่อตั้งโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว เป็นต้น และยังมุ่งเน้นให้ผู้เรียนใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับผู้อื่นโดยรักษาสิทธิของตน เคารพสิทธิของผู้อื่น และรับผิดชอบตามบทบาทหน้าที่ของตนเองและสิ่งแวดล้อม กำกับตนเองในการใช้จ่ายของตนเองและครอบครัว จัดการเรียน การสอนที่มุ่งเน้นใฝ่ทำความดี และอยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วยดีบนหลักปฏิบัติของศาสนาที่นับถือ พัฒนาสื่อที่ทันสมัยสอดรับกับวิถีใหม่เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน – โรงเรียนราชวินิตบางแก้วใช้วิธีสอนเป็นแนว Active Learning และเสริมทักษะ ในการค้นคว้าหาความรู้ในทางประวัติศาสตร์ ให้นักเรียนสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง คิดเป็น และวิจารณ์เนื้อหาได้ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ – รูปภาพประกอบการจัดกิจกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันที่แสดงถึงความตระหนักและ เห็นคุณค่าในประวัติศาสตร์ สังคม วัฒนธรรมของครอบครัว สถานศึกษาและชุมชน
-> สถานศึกษาจัดการเรียนการสอน และบูรณาการให้ผู้เรียนมีความตื่นรู้ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย รู้จักสิทธิและหน้าที่และฝึกการโต้แย้งประเด็นทางสังคมและการเมือง
ด้านครูผู้สอน (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
ครูขาดการพัฒนาเทคนิคและวิธีการจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองให้น่าสนใจ คิดเป็นร้อยละ 30.41 (45/148)
ครูยังไม่มีความพร้อมในการนำเทคนิค วิธีการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบสื่อออนไลน์ หรือเทคโนโลยีมาประกอบการสอนวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง คิดเป็นร้อยละ 20.27 (30/148)
ครูขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน Active Learning มาประยุกต์ใช้ คิดเป็นร้อยละ 19.59 (29/148)
ครูผู้สอนมีภาระงานมาก คิดเป็นร้อยละ 33.11 (49/148)
อื่น ๆ (ถ้ามี) ระบุ
ด้านการบริหารจัดการ (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
ผู้บริหารสถานศึกษาไม่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองให้มีความทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 6.72 (8/119)
นโยบายขาดความต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 24.37 (29/119)
ขาดการมีส่วนร่วมระหว่างปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ปกครอง สถานศึกษาและผู้เรียนในการสร้างการเรียนรู้เกี่ยวกับการสอนประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองให้มีความทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 35.29 (42/119)
ผู้เรียนไม่ค่อยสนใจในการเรียนเกี่ยวกับวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง เพราะคิดว่าน่าเบื่อ ไม่ทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 36.97 (44/119)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
-> เวลาเรียน 1 คาบต่อสัปดาห์ไม่เพียงพอกับบทเรียน ทำให้การเรียนการสอนขาดความต่อเนื่องด้านสื่อ วัสดุอุปกรณ์ (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
-> การจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ มีส่วนทำให้การจัดกิจกรรมขาดความหลากหลายและการมีส่วนร่วมในการเข้าร่วมกิจกรรมที่นำไปสู่การ Action
-> สภาพการเรียนการสอน เพราะการสอนวิชาประวัติศาสตร์ ที่ผ่านมายังเป็นแบบปกติ คือ ครูเป็นผู้นาเสนอเพียงอย่างเดียว ยากที่จะทาให้ผู้เรียนสร้างความคิดรวบยอดหรือมโนทัศน์ทางประวัติศาสตร์ ขาดการเสวนากลุ่ม
บริเวณที่ตั้งของสถานศึกษาขาดแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชุมชนท้องถิ่นที่น่าสนใจ คิดเป็นร้อยละ 30.77 (32/104)
ขาดสื่อ เทคโนโลยี วัสดุอุปกรณ์ที่ทันสมัยมาสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์วิถีใหม่ คิดเป็นร้อยละ 72.12 (75/104)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
-> เนื่องจากในการดำเนินชีวิตแบบวิถีใหม่ในยุคที่มีโรคระบาด covid 19 ทำให้นักเรียนไม่สามารถศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ภายนอก ทำให้นักเรียนไม่สามารถศึกษาได้จากสถานที่จริงอื่นๆ ระบุ
-> มีความต้องการสื่อและอุปกรณ์ประกอบการสอนที่หลากหลาย ทันสมัย และเข้าใจง่าย
-> ไม่มีปัญหา
-> เนื้อหาในหนังสือเรียนมีความล้าสมัย ไม่พัฒนาเนื้อหาให้มีความเป็นสมัยใหม่ ไม่มุ่งเน้นความเป็นท้องถิ่นอย่างแท้จริง
-> โรงเรียนบ้านเกาะเต่า เป็นโรงเรียนเขตพื้นที่พิเศษตามประกาศกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นโรงเรียนพื้นที่ ที่อยู่ห่างไกลยากต่อการเดินทางสัญจรไปในพื้นที่ต่าง ๆ และการเดินทาง ในแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากจึงทำให้การศึกษาในเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ในเขตพื้นที่ของอำเภอ ในเขตพื้นที่ของจังหวัด ในเขตพื้นที่ของภาคใต้ และในเขตพื้นที่ของประเทศ ทำให้นักเรียน ไม่สามารถารถเดินทางไปทัศนศึกษาได้อย่างครบถ้วนตามเนื้อหาสาระ โดยนักเรียนไม่ได้เกิดกระบวนการเรียนรู้ จากสถานที่จริงตามบรรลุเป้าหมายที่วางไว้3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 6.75 (26/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 19.48 (75/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 4.68 (18/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
1.3 การพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกประเภทให้มีสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัล รวมทั้งการจัดการเรียนการสอน
1) สภาพความก้าวหน้า
(1) ครูได้รับการพัฒนาด้านสมรรถนะทางภาษาหรือไม่
ได้รับการพัฒนา คิดเป็นร้อยละ 22.34 (86/385)
ไม่ได้รับการพัฒนา (ข้ามไปตอบข้อ (5) คิดเป็นร้อยละ 9.61 (37/385)
(2) ครูได้รับการพัฒนาด้านสมรรถนะทางภาษาโดยหน่วยงานใด
สพฐ./สอศ./สช./กศน. คิดเป็นร้อยละ 45.45 (45/99)
สพป./สพม./ศธจ./กศจ.จังหวัด คิดเป็นร้อยละ 35.35 (35/99)
หน่วยงานภายนอก เช่น มหาวิทยาลัย คิดเป็นร้อยละ 21.21 (21/99)
อื่นๆ ระบุ
-> สำนักบริหารงานการศึกษาพี่เศษ(3) เมื่อได้รับการพัฒนาด้านสมรรถนะทางภาษา ได้นำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนหรือไม่
-> HCEC ศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคลเพื่อความเป็นเลิศ
-> 1. The Lasallian East Asia District (LEAD) 2. สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ
-> สสวท.
-> ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 4 จังหวัดตรัง
-> ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 4 จังหวัดตรัง
-> โรงเรียนมีการจัดอบรมให้ครูในโรงเรียน
-> กิจกรรมของชุมชน
-> Coaching English
-> กศน.
-> ผ่านการอบรมจากหน่วยงานต้นสังกัด และการเรียนรู้ผ่านกลุ่มเครือข่าย และการศึกษาด้วยตนเองจากแฟตฟอร์มต่างๆที่มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
-> ไม่ได้รับการสนับสนุน
-> โปรแกรม speexx
-> ศึกษาและอบรมด้วยตนเองผ่านอินเทอร์เน็ต
-> บุคลากรครูต่างชาติ จัดอบรมให้คุณครู ภาคเรียนละ 1-2 ครั้ง
-> ยังไม่ได้รับการพัฒนา
-> สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน Thai Mooc
-> หน่วยงานเอกชนอื่นๆที่เข้ามาช่วยสนับสนุน
-> โรงเรียนจัดอบรมให้ครู
-> ทางออนไลน์
-> ครูและบุคลากรภายในโรงเรียน และกลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ
-> สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
-> ภาคีเครือข่าย
-> ดำเนินการส่งเสริมสนับสนุนให้ครูและนักเรียนเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตร “อุ่นใจไซเบอร์” ของบริษัท AIS
-> บริษัทเอกชน
-> การอบรมทาง Online
-> สถาบันวิจัยการเรียนรู้
ได้นำไปใช้ ระบุ
ไม่ได้นำไปใช้ คิดเป็นร้อยละ 1.04 (4/385)
(4) ครูมีการนำสมรรถนะด้านภาษาไปขยายผลให้กับครูใน/นอกสถานศึกษาหรือไม่อย่างไร
มี ระบุ
ไม่มี คิดเป็นร้อยละ 10.13 (39/385)
(5) ครูได้รับการพัฒนาด้านสมรรถนะทางด้านดิจิทัลหรือไม่
ได้รับ
ไม่ได้รับ (ข้ามไปตอบข้อ 2) คิดเป็นร้อยละ 4.94 (19/385)
(6) ครูได้รับการพัฒนาด้านสมรรถนะทางด้านดิจิทัลโดยหน่วยงานใด
สพฐ./สอศ./สช./กศน. คิดเป็นร้อยละ 49.23 (64/130)
สพป./สพม./ศธจ./กศจ.จังหวัด คิดเป็นร้อยละ 33.85 (44/130)
หน่วยงานภายนอก เช่น มหาวิทยาลัย คิดเป็นร้อยละ 17.69 (23/130)
อื่นๆ ระบุ
-> โรงเรียนอนุบาลทัพทัน(อุดมพิทยา) จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องการสร้างสื่อการสอนออนไลน์ด้วยกระบวนการ PLC(7) ครูมีการนำสมรรถนะด้านดิจิทัลไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนหรือไม่อย่างไร
-> 1. คณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชนภาคเหนือ 2. โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์
-> โรงเรียนจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร ส่งเสริมสมรรถนะดิจิทัล
-> สสวท
-> ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 4 จังหวัดตรัง
-> ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 4 จังหวัดตรัง
-> โรงเรียนมีการจัดอบรมให้ครูในโรงเรียน
-> จากบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถภายในสถานศึกษา
-> บริษัท เอ็นเอสอาร์ เทคโนโลยี
-> กศน.
-> โรงเรียนจัดอบรมพัฒนาเอง
-> ต้องได้รับการสนับสนุน
-> หน่วยงานภายในสถานศึกษา
-> การอบรมภายในโรงเรียนโดยครูที่มีความรู้ความสามารถ
-> เรียนรู้ด้วยตนเอง
-> บริษัทอักษร เอ็ดดูเคชั่น จำกัด (มหาชน) กระทรวงวัฒนธรรม Thai Mooc
-> ถ่ายทอดความรู้ไปยังคณะครูในสถานศึกษาและต่างประเทศ
-> โรงเรียนจัดอบรม
-> สำนักพิมพ์อักษรเจริญทัศน์
-> ผู้บริหารและเพื่อนครู
-> ทางออนไลน์
-> ครูในศูนย์คอมพิวเตอร์โรงเรียนเทพศิรินทร์ สมุทรปราการ
-> สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
-> ครูคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนเป็นวิทยากร
-> การอบรมทาง Online
-> สถาบันวิจัยการเรียนรู้
มี ระบุ
ไม่มี (ข้ามไปตอบข้อ 2) คิดเป็นร้อยละ 2.86 (11/385)
(8) ครูสามารถนำสมรรถนะด้านดิจิทัลไปขยายผลให้กับครูใน/นอกสถานศึกษาได้หรือไม่อย่างไร
ได้ ระบุ
ไม่ได้ คิดเป็นร้อยละ 3.90 (15/385)
2) ปัญหาและอุปสรรค
ด้านครูผู้สอน
ครูขาดการพัฒนาสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัล คิดเป็นร้อยละ 34.26 (37/108)
ครูขาดขวัญและกำลังใจ หรือแรงกระตุ้นพัฒนาสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัล คิดเป็นร้อยละ 22.22 (24/108)
ครูมีภาระงานมาก คิดเป็นร้อยละ 47.22 (51/108)
อื่น ๆ (ถ้ามี) ระบุ
ด้านการบริหารจัดการ
นโยบายขาดความต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 20.72 (23/111)
ผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัลของครูและบุคลากรทางการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 7.21 (8/111)
ขาดงบประมาณสนับสนุน คิดเป็นร้อยละ 59.46 (66/111)
ขาดการนิเทศ ติดตาม คิดเป็นร้อยละ 17.12 (19/111)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
-> 1. สพฐ. ควรจัดให้มีการประชุมเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบของสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาและเจ้าหน้าที่ศูนย์ HCEC เพื่อทราบวัตถุประสงค์ รวมทั้งกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจนในการพัฒนาภาษาอังกฤษของครู และมีการติดตามผลเป็นระยะอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอด้านสื่อ วัสดุอุปกรณ์
-> งบประมาณสนับสนุนไม่เพียงพอในการบริหารจัดการให้เกิดสภาพคล่องตัว
-> ปัญหาการแพร่ระบาดของโรค Covid-19
-> กำลังทรัพย์ไม่มี
-> งบประมาณสำหรับการอบรมพัฒนาแบบ On Line
-> การจัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์
ขาดสื่อ วัสดุอุปกรณ์ ที่นำมาใช้ในการพัฒนาสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัล คิดเป็นร้อยละ 38.82 (66/170)
เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว อุปกรณ์ไม่ทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 33.53 (57/170)
ขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการพัฒนาสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัล คิดเป็นร้อยละ 30.00 (51/170)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
-> สัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่เสถียร3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
-> สื่อวัสดุ อุปกรณ์มีใช้จำกัด
-> อุปกรณ์ที่มีความเหมาะสมกับผู้เรียน
-> ระบบที่ใช้ในการพัฒนามีความซ้ำซ้อน เข้าใจยาก
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 8.05 (31/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 16.36 (63/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 6.23 (24/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.52 (2/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
1.4 หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (หลักเกณฑ์ PA)
1) สภาพความก้าวหน้า
(1) ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ ว.9 (PA) และวิธีการอยู่ในระดับใด
มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 2.60 (10/385)
มาก คิดเป็นร้อยละ 11.95 (46/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 7.79 (30/385)
น้อย คิดเป็นร้อยละ 1.30 (5/385)
น้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 2.34 (9/385)
(2) ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการชี้แจงหรือหาความรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ ว.9 (PA) จากแหล่งใด (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
เว็ปไซต์ สำนักงาน ก.ค.ศ. คิดเป็นร้อยละ 20.33 (50/246)
หน่วยงานต้นสังกัดชี้แจง คิดเป็นร้อยละ 22.36 (55/246)
สพฐ. (สพป./สพม.) คิดเป็นร้อยละ 66.67 (46/69)
สอศ. คิดเป็นร้อยละ 5.80 (4/69)
กศน. คิดเป็นร้อยละ 15.94 (11/69)
สช. คิดเป็นร้อยละ 11.59 (8/69)
เพื่อนร่วมงาน คิดเป็นร้อยละ 17.48 (43/246)
สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ คิดเป็นร้อยละ 16.67 (41/246)
เว็ปไซต์ อาทิ ครูบ้านนอกดอทคอม, ครูไทย, ครูวันดีดอทคอม, สถานนีครูดอทคอม คิดเป็นร้อยละ 23.17 (57/246)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
-> โรงเรียนจัดอบรมเชิญวิทยากรจากหน่วยงานภายนอกมาให้ความรู้(3) ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีข้อคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับข้อตกลงในการพัฒนางานตามหลักเกณฑ์ ว.9 (PA)..... (ข้อความ)
-> โรงเรียนจัดอบรมหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินและการจัดทำข้อตกลงใน การพัฒนางาน เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564
-> สหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุทัยธานี
-> การอบรมพัฒนาครูสู่ความก้าวหน้าเพื่อขอมี ขอเลื่อนวิทยฐาน ตามหลักเกณฑ์ ก.ค.ศ. (ว9/2564. (วPA )ว17/2552 และ ว21/2560) วันที่ 4 ตุลาคม 2564
-> สำนักงาน กศน.จังหวัดจัดอบรม
-> ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 4 จังหวัดตรัง จับอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิทฐานะแนวใหม่ ว.PA ให้ข้าราชการครูทุกคน
-> ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 4 จังหวัดตรัง จัดอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิทยฐานะแนวใหม่ ว.PA ให้กับข้าราชการครูทุกคน
-> โรงเรียนมีการจัดให้ความรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วPA
-> โรงเรียนจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ PA
-> ภาคีเครือข่าย
-> ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกรายดำเนินการจัดทำตามตัวชี้วัดตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตาม ว.9 (PA)
-> ผู้อำนวยการบรรยายชี้แจง
-> สถานศึกษาเชิญวิทยากรภายนอกมาให้ความรู้
-> โรงเรียนจัดอบรม
-> เชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมาอบรมให้ความรู้แก่ครูผู้สอน
-> โรงเรียนจัดอบรม ว.pa
-> สังกัด สช.ไม่มีการประเมินวิทยะฐานะ
-> สถานศึกษาจัดประชุมชี้แจงและให้ครูเข้าร่วมอบรมรับความรู้จากหน่วยงานต่างๆทั้งที่ต้องใช้งบประมาณและไม่ต้องใช้งบประมาณ
-> www.Pantip.com
-> ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ PA และได้รับการชี้แจงหรือหาความรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ PA โดยการเข้าร่วมอบรมพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาและข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เรื่อง วิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รูปแบบการจัดทำข้อตกลงในการปฏิบัติงาน (Performance Agreement : PA) จากสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ
2) ปัญหาและอุปสรรค
ด้านการประเมินผลการปฏิบัติงาน ระบุ
ด้านการประเมินวิทยฐานะ ระบุ
ด้านการเปลี่ยนหลักเกณฑ์การประเมินบ่อย ทำให้มีความยุ่งยากในการเตรียมเอกสารหลักฐานรองรับการประเมิน ระบุ
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
-> ครูขาดความรู้ความเข้าใจเรื่อง PA3) หน่วยงาน/สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
-> ครูยังสับสนการเขียนประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์ การเรียนรู้ของนักเรียน
-> ครูบางส่วนยังขาดความชัดเจนในหลักเกณฑ์และวิธีการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะตามเกณฑ์ ก ค ศ ว PA
-> ข้าราชการครู ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครู ว.9 (PA)
-> สังกัด สช.ไม่มีการประเมินวิทยะฐานะ
-> อื่นๆ โรงเรียนไม่ได้ใช้หลักเกณฑ์นี้พิจารณา
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับ หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (หลักเกณฑ์ PA) ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ว.9 (PA) อยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 2.86 (11/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 11.69 (45/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 8.05 (31/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
1.5 การขับเคลื่อนศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) และศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (Center of Vocational Manpower Networking Management : CVM)
1) สภาพความก้าวหน้า
(1) สภาพความก้าวหน้า ความสำเร็จของการดำเนินงานตามนโยบาย (มีเกณฑ์ตัวชี้วัดการประเมิน หรือตัวเลือกประเด็นหรือกิจกรรมที่ปฏิบัติในนโยบายนี้ เพื่อประกอบความก้าวหน้าความสำเร็จ)
กลุ่มทั่วไป (Standard) สาขาวิชา
กลุ่มเชี่ยวชาญเฉพาะ (Expert) สาขาวิชา
กลุ่มความเป็นเลิศ) (Excellent Center) สาขาวิชา
กลุ่มศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (Center of Vocational Manpower Networking Management : CVM) สาขาวิชา
(2) สถานศึกษามีผลการประเมินคุณภาพตามแนวทางการขับเคลื่อนศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) และศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (Center of Vocational Manpower Networking Management : CVM) อยู่ในระดับใด
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 1.04 (4/385)
ดี คิดเป็นร้อยละ 1.82 (7/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 1.04 (4/385)
พอใช้ คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
(3) เป้าหมายการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
สถานศึกษามีนวัตกรรมการบริหารจัดการสอดคล้องกับสภาพบริบท และตอบสนองความต้องการของชุมชน สังคม และยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ คิดเป็นร้อยละ 21.31 (13/61)
มีครุภัณฑ์และอุปกรณ์ สื่อ เทคโนโลยีดิจิทัล ทรัพยากร สิ่งสนับสนุนการศึกษา ที่เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอน คิดเป็นร้อยละ 9.84 (6/61)
สถานศึกษามีภาคีเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรทางวิชาชีพ สถานประกอบการ สถาบันการศึกษาอาชีวศึกษา/อุดมศึกษาทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ ในการพัฒนาทักษะทางวิชาการ ทักษะอาชีพ และการฝึกประสบการณ์ทักษะวิชาชีพของครู และผู้เรียน คิดเป็นร้อยละ 13.11 (8/61)
หลักสูตรมีความสอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ เชื่อมโยงสมรรถนะอาชีพในการท างานสู่ระบบคุณวุฒิทางการศึกษา หรือมาตรฐานอาชีพตามที่หน่วยงานซึ่งมีหน้าที่ให้การรับรองมาตรฐานกำหนดไว้ ในสาขาวิชาที่มีความเป็นเลิศ คิดเป็นร้อยละ 8.20 (5/61)
ครูมีสมรรถนะทางวิชาชีพที่ทันสมัย สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่สถานประกอบการใช้ในปัจจุบัน ตลอดจนมีทักษะการจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ คิดเป็นร้อยละ 13.11 (8/61)
ผู้เรียนมีสมรรถนะทางวิชาชีพในสาขาวิชาที่มีความเป็นเลิศ ตรงกับความต้องการของสถานประกอบการ คิดเป็นร้อยละ 6.56 (4/61)
สถานศึกษาเป็นศูนย์พัฒนาอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ การประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพในสาขาอาชีพที่สอดคล้องกับสาขาวิชา ที่มีความเป็นเลิศ ให้กับผู้เรียน ผู้สำเร็จการศึกษา ผู้ประกอบอาชีพ หรือ ประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างโอกาสการเข้าสู่โลกอาชีพและการมีงานทำ คิดเป็นร้อยละ 9.84 (6/61)
สถานศึกษามีระบบประกันคุณภาพที่เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษา เหมาะสมกับหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน สื่อเทคโนโลยี ทรัพยากรการเรียนรู้ และการประเมินการเรียนการสอน โดยมีการกำกับ ติดตาม และประเมินผลเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 18.03 (11/61)
2) ปัญหาและอุปสรรค
มาตรฐานอาชีพหรือมาตรฐานฝีมือแรงงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ครอบคลุมสาขาวิชา คิดเป็นร้อยละ 9.09 (2/22)
นโยบายขาดความต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 18.18 (4/22)
ครูผู้สอนมีวุฒิการศึกษาวิชาชีพ ไม่ตรงตามสาขาวิชาที่สอน คิดเป็นร้อยละ 22.73 (5/22)
ขาดห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ ครุภัณฑ์/อุปกรณ์ สื่อ ในการจัดการเรียนการสอนที่ทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 31.82 (7/22)
ผู้เรียนมีสมรรถนะไม่ตรงตามหลักสูตรกำหนด กับความต้องการของสถานประกอบการ คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/22)
สถานศึกษาขาดการเตรียมความพร้อมตามแนวทางการจัดการสถานศึกษา ภายใต้ศูนย์ คิดเป็นร้อยละ 9.09 (2/22)
ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) และศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (Center of Vocational Manpower Networking Management : CVM) ในการประเมินสมรรถนะผู้เรียนและการรับรองที่เอื้อต่อการพัฒนารายบุคคล คิดเป็นร้อยละ 9.09 (2/22)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
-> ครูผู้สอนในสาขาวิชาพืชศาสตร์มีจำนวนน้อยลงเนื่องจากเกษียณอายุราชการไปหลายท่าน3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
-> เป็นโรงเรียนระดับ อนุบาล-ประถมศึกษา
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 1.56 (6/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 2.86 (11/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 2.08 (8/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
1.6 ความปลอดภัยของผู้เรียน โดยการสร้างสถานศึกษาปลอดภัย และบริหารจัดการเชิงบูรณาการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
1) สภาพความก้าวหน้า
1) ครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้รับการส่งเสริม สนับสนุน ให้มีความรู้ ความเข้าใจในการสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงและภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ทุกรูปแบบ
ครบทุกประเภทภัยคุกคาม คิดเป็นร้อยละ 20.52 (79/385)
บางประเภทภัยคุกคาม คิดเป็นร้อยละ 12.99 (50/385)
ภัยยาเสพติด คิดเป็นร้อยละ 17.35 (55/317)
ภัยความรุนแรง คิดเป็นร้อยละ 10.73 (34/317)
ภัยพิบัติต่างๆ คิดเป็นร้อยละ 11.36 (36/317)
อุบัติเหตุ คิดเป็นร้อยละ 15.77 (50/317)
โรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ (เช่น CVID-19 เป็นต้น) คิดเป็นร้อยละ 20.19 (64/317)
ฝุ่น PM 2.5 คิดเป็นร้อยละ 9.46 (30/317)
การค้ามนุษย์ คิดเป็นร้อยละ 4.10 (13/317)
การคุกคามในชีวิตและทรัพย์สิน คิดเป็นร้อยละ 6.62 (21/317)
อาชญากรรมไซเบอร์ คิดเป็นร้อยละ 5.99 (19/317)
ไม่มี คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
2) การบริหารจัดการเชิงบูรณาการในสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สถานศึกษาได้ดำเนินงานหรือได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานใดบ้าง (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
กระทรวงศึกษาธิการ คิดเป็นร้อยละ 32.69 (119/364)
กระทรวงสาธารณสุข คิดเป็นร้อยละ 36.26 (132/364)
กรมการปกครอง คิดเป็นร้อยละ 18.41 (67/364)
ภาคเอกชน คิดเป็นร้อยละ 14.01 (51/364)
อื่นๆ (ระบุ)
-> มูลนิธิกุศลศรัทธาเกาะเต่า3) สถานศึกษามีการบริหารจัดการเชิงบูรณาการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างไรบ้าง
-> การจัดอบรมให้ความรู้ การสอดแทรกในการเรียน การสอน การจัดนิทรรศการให้ความรู้ การเผยแพร่ในกลุ่มไลน์ เว็บไซด์ เฟสบุ๊คของห้องสมุดประชาชน
-> หน่วยงานทางทหาร
-> โรงพยาบาลเครือข่าย เช่นโรงพยาบาลเปาโล ศิครินทร์ สินแพทย์ สมาคมผู้ปกครองและครูตลอดจนสมาคมศิษย์เก่า
-> นักการเมืองท้องถิ่น
-> สำนักงานเทศบาลเมืองคลองแห
-> ไม่ได้รับการช่วยเหลือ
-> กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จังหวัดลำปาง
มี
ไม่มี คิดเป็นร้อยละ 0.52 (2/385)
4) สถานศึกษามีแผนการดำเนินงาน/แผนเผชิญเหตุ/แนวทาง/คู่มือเพื่อความปลอดภัยของผู้เรียนในสถานศึกษา
มี
ไม่มี คิดเป็นร้อยละ 0.52 (2/385)
5) ผู้เรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมที่สถานศึกษาจัดเพื่อส่งเสริม สนับสนุนในการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงและภัยคุกคามรูปแบบใหม่ทุกรูปแบบ
ครบทุกประเภทภัยคุกคาม คิดเป็นร้อยละ 16.10 (62/385)
บางประเภทภัยคุกคาม คิดเป็นร้อยละ 13.51 (52/385)
ภัยยาเสพติด คิดเป็นร้อยละ 19.75 (62/314)
ภัยความรุนแรง คิดเป็นร้อยละ 9.87 (31/314)
ภัยพิบัติต่างๆ คิดเป็นร้อยละ 9.24 (29/314)
อุบัติเหตุ คิดเป็นร้อยละ 18.79 (59/314)
โรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ (เช่น CVID-19 เป็นต้น) คิดเป็นร้อยละ 22.29 (70/314)
ฝุ่น PM 2.5 คิดเป็นร้อยละ 7.01 (22/314)
การค้ามนุษย์ คิดเป็นร้อยละ 2.55 (8/314)
การคุกคามในชีวิตและทรัพย์สิน คิดเป็นร้อยละ 6.37 (20/314)
อาชญากรรมไซเบอร์ คิดเป็นร้อยละ 6.69 (21/314)
ไม่มี คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
2) ปัญหาและอุปสรรค
ผู้บริหารขาดความตระหนักในการสร้างความรู้ความเข้าใจกับการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ให้กับผู้เรียน คิดเป็นร้อยละ 20.00 (4/20)
ครูขาดขวัญกำลังใจ การคุ้มครองดูแลช่วยเหลือในการปฏิบัติงานภายในสถานศึกษา คิดเป็นร้อยละ 80.00 (16/20)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
-> จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์แผนเผชิญเหตุฯ สู่การปฏิบัติ เพื่อสร้างความเข้าใจใน บทบาทหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้อง3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
-> ขาดการแก้ไขปัญหาและระมัดระวังในการเกิดภัยคุกคามเบื้องต้นของผู้เรียน
-> สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
-> โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๖ จังหวัดภูเก็ต จัดการศึกษาให้กับนักเรียนทั้งในลักษณะ ไป - กลับ และอยู่ประจำ และจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษา (อนุบาล) ประถมศึกษา (ป.1-6) และมัธยมศึกษา (ม.1-6) ทำให้มีอุปสรรคในการดูแลนักเรียนค่อยข้างมาก
-> สถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จัดกิจกรรมกลุ่มใหญ่ไม่ได้
-> ในบางอุบัติเหตุ ครูและบุคลากรไม่ได้ผ่านการอบรมจากวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถในเรื่องนั้นๆ
-> สถานศึกษา มีการจัดอบรมให้ความรู้ตามเงื่อนไขในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 และเผยแพร่ให้ความรู้ทางช่องทางอื่น เช่น กลุ่มไลน์ เฟสบุ๊ค เว็บไซด์
-> การเกิดภัยจากธรรมชาติ เช่น น้ำทะเลหนุนสูง ที่ท่วมถึงบริเวณโรงเรียน ภัยจากยาเสพติดที่สังคมโดยรอบโรงเรียนและครอบครัวที่นักเรียนบางคนมีความใกล้ชิดกับยาเสพติด
-> นักเรียนมีความรู้ในเรื่องภัยคุกคามต่างๆ แต่ยังขาดความตระหนัก
-> ขาดการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่าง โรงเรียน ผู้แกครอง ชุมชนอย่างต่อเนื่อง
-> ครูไม่พอ
-> ขาดงบประมาณสนับสนุน
-> 1. ด้านนักศึกษาขาดความเข้าใจและไม่ตระหนักต่อการใช้มาตรการป้องกันโรคโควิด2019 2. นักเรียนไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด 3. ผู้ปกครองขาดความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคโควิด 2019
-> ปัญหานักเรียนการสูบบุหรี่ ที่เกิดจากการอยากรู้อยากลอง และการชักชวนจากเพื่อน
-> 1)ครูผู้สอนต้องมีการเฝ้าระวังตนเองอย่างสูงสุด กรณี สอนรูปแบบ Onsite และ On hand (นักเรียนมารับใบงาน/ใบความรู้/อื่นใดที่โรงเรียน) ซึ่งครูผู้สอนที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กันนักเรียน และผู้ปกครองโดยตรง 2)การพัฒนาตนเองของครูผู้สอนที่ต้องสอนแบบ New Normal ที่ต้องมีการอบรมผ่านออนไลน์ อาจจะไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร และนำมาปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมอาจยังไม่ส่งผลต่อตัวนักเรียนโดยตรง
-> ไม่มีปัญหา
-> 2.1 นักเรียนของศูนย์ ฯ ไม่สามารถสวมหน้ากากอนามัย เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า – 2019 2.2 ขาดการสนับสนุนจากงบประมาณหน่วยงานภายนอก ในการขอรับการสนับสนุนชุดตรวจ Antigen test kits และวัสดุอุปกรณ์ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า – 2019 ที่เพียงพอ
-> รัฐบาลหรือกระทรวงควรจัดสรรงบประมาณสนับสนุนและ อุปกรณ์ต่างๆให้เท่าเทียมกับโรงเรียนในสังกัดของรัฐ
-> ขาดกำลังใจ
-> คุณครูต้องทำงานหนักและมีภาระงานมากขึ้น ต้องรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและดิจิทัล ควบคู่กับการจัดการเรียนการสอนแบบวิถีใหม่
-> บุคลากรมีไม่เพียงพอ
-> ระยะเวลาในการฝึกอบรมตามประเด็นต่างๆ
-> โรงเรียนไม่สามารถเปิดเรียนได้ตามปกติ
-> ข้อจำกัดในการดำเนินการทำกิจกรรมที่สถานที่ศึกษา
-> ในกรณีการเกิดโรคระบาด เด็กที่ติดเชื้อหรือมีคนในครอบครัวติดเชื้อเด็กที่เจ็บป่วยด้วยอาการคล้ายกับการ เป็นโรคโควิด-19 หรือ เด็กที่ผู้ปกครองมีอาชีพที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ วิทยาลัยฯจะให้ความรู้ เกี่ยวกับโรคโควิด-19 ว่าสามารถติดต่อกันได้ทางใดบ้างและพฤติกรรม ใดไม่เสี่ยงต่อการติดต่อจะสามารถช่วยลดความ
-> ขาดหน่วยงานทางภาครัฐเข้ามาสนับสนุนงบประมาณ
-> ไม่สามารถดำเนินการตามแผนปฎิบัติการได้เนื่องจากสถานการการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
-> ขาดงบประมาณในการซื้อ ATK
-> นักเรียนศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดอุทัยธานี เป็นนักเรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ ในการเข้าร่วมโครงการ/กิจกรรม ในแต่ละครั้ง จึงมีความยากลำบากในการเคลื่อนย้าย เช่น กิจกรรมอพยพหนีไฟที่ต้องมีการปฏิบัติในสถานการณ์จำลอง การเคลื่อนย้ายพลไปยังจุดรวมพล เป็นต้น
-> สิ่งที่ต้องทำมีมากเกินไป
-> สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลกระทบต่อการรวมกลุ่มจัดกิจกรรมสร้างความรู้ความเข้าใจกับการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ให้กับผู้เรียน
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้เรียน โดยการสร้างสถานศึกษาปลอดภัยของสถานศึกษาท่าน ที่คิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 13.25 (51/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 17.66 (68/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 4.94 (19/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
2. ด้านการสร้างโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมกันทางสังคม
2.1 การค้นหาเด็กวัยเรียนหลุดจากระบบการศึกษา และติดตามให้ความช่วยเหลือเข้าสู่ระบบการศึกษา
1) สภาพความก้าวหน้า
สถานศึกษามีการค้นพบเด็กวัยเรียนที่หลุดจากระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน..............คน (ตัวเลข)
การติดตามให้ความช่วยเหลือเข้าสู่ระบบการศึกษา สำหรับเด็กที่อยู่ในการศึกษาภาคบังคับ จำนวน ................คน (ตัวเลข)
กศน. จำนวน................คน (ตัวเลข)
อาชีวศึกษา จำนวน ...........คน (ตัวเลข)
การติดตามให้ความช่วยเหลือผู้เรียนเข้าสู่ระบบการศึกษา สำหรับเด็กที่อายุเกิน 15 ปี จำนวน.............คน (ตัวเลข)
กศน. จำนวน................คน (ตัวเลข)
อาชีวศึกษา จำนวน ...........คน (ตัวเลข)
เข้าทำงานสถานประกอบการ จำนวน...............คน (ตัวเลข)
ประกอบอาชีพอื่นๆ จำนวน ................คน (ตัวเลข)
-> 10อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
-> 0
-> 6
-> 2
-> 0
-> 0
-> 0
-> 0
-> 0
-> 0
-> 16
-> 2
-> 0
-> 0
-> 0
-> 3
-> 1. นักเรียนขอลาออก เพื่อศึกษาต่อโรงเรียนเตรียมทหาร จํานวน 6 คน 2. นักเรียนขอพักการเรียน ป่วย จํานวน 1 คน 3. นักเรียนพักการเรียน เพื่อไปศึกษาแลกเปลี่ยน ณ ต่างประเทศ จํานวน 6 คน 4. นักเรียนขอย้ายสถานศึกษา เพื่อศึกษาต่อสถานศึกษาอื่น จํานวน 5 คน 5. นักเรียนลาออก เพื่อศึกษาต่อต่างประเทศ จํานวน 3 คน รวม 21 คน ข้อมูล ณ วันที่ 1 พ.ย.25642) ปัญหาและอุปสรรค
-> ด้านสุขภาพ
-> ไม่มีเด็กหลุจากระบบการศึกษาในเขตบริการของโรงเรียน
-> มีระบบการตรวจสอบเด็กตกกล่น
-> ศึกษาต่อสถาบันต่างประเทศ ศึกษาต่อสถาบันอื่น เช่วน เตรียมทหาร หรือ รร.บริรักษ์ จำนวน 5 คน
-> เด็กที่อยู่การศึกษาภาคบังคับ จำนวน 3 คนนั้น ติดตามพบว่าเข้าสู่ระบบการศึกษาภาคบังคับได้ตามปกติ
-> 0
-> 0
-> 0
-> 4
-> เสียชีวิต 1
-> นักเรียนได้รับการศึกษาต่อในภาคเอกชน
-> ไม่ได้ดำเนินการ
-> ย้ายที่อยู่ 13 คน
-> ไม่พบตัว 6 คน เสียชีวิต 1 คน
-> โรงเรียนไม่มีเด็กวัยเรียนหลุดจากระบบการศึกษา
ด้านเศรษฐกิจ รายได้ของครอบครัว คิดเป็นร้อยละ 25.00 (50/200)
การย้ายถิ่นฐานตามผู้ปกครอง คิดเป็นร้อยละ 23.50 (47/200)
ความไม่พร้อมของผู้เรียน ด้านสติปัญญา ร่างกาย ฯลฯ คิดเป็นร้อยละ 14.50 (29/200)
ปัญหาของครอบครัว (หย่าร้าง /แยกกันอยู่) คิดเป็นร้อยละ 20.50 (41/200)
การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) คิดเป็นร้อยละ 19.50 (39/200)
อื่นๆ (ถ้ามี)
-> ปัญหามารดาเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อโควิด-193) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
-> ข้อมูลที่ให้สถานศึกษาเด็กพิการตกหล่นมีความซ้ำซ้อนกับข้อมูลของสถานศึกษา และจากการสำรวจพบว่าเด็กอยู่ในระบบการศึกษาแล้ว
-> 1.หมดสภาพ 2.รักษาสภาพ 3.ย้ายที่อยู่อาศัย 4.ลาออก 5.ไม่พบตัวตน
-> ผู้ปกครองให้นักเรียนเรียนศาสนาที่เป็นโรงเรียนที่ไม่อยู่ในระบบการศึกษา
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 7.79 (30/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 11.43 (44/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 4.94 (19/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
2.2 การดูแลเด็กปฐมวัย ด้วยการส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กปฐมวัยทุกคนได้พัฒนาการสมวัย ได้รับโอกาสทางการศึกษาทั้งในและนอกระบบการศึกษา
1) สภาพความก้าวหน้า
(1) ผู้เรียนในระดับปฐมวัย (อนุบาล 3) ปีการศึกษา 2564 ทั้งหมด
จำนวน.............คน (ตัวเลข) จำแนกเป็น
ผู้เรียนปกติ จำนวน..........คน (ตัวเลข)
ผู้เรียนที่มีความบกพร่อง จำนวน.............คน (ตัวเลข)
(2) ผู้เรียนปกติ มีผลการประเมินพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์จิตใจ สังคม และสติปัญญา ผ่านเกณฑ์การประเมินพัฒนาการคุณภาพระดับ 3 ทั้ง 4 ด้าน
จำนวน..............คน (ตัวเลข)
คิดเป็นร้อยละ........... (เทียบจากผู้เรียนปกติ) (ตัวเลข)
2) ปัญหาและอุปสรรค
ขาดแคลนครูวิชาเอกปฐมวัย คิดเป็นร้อยละ 47.17 (25/53)
ครูผู้สอนระดับปฐมวัยสอนไม่ตรงวิชาเอก คิดเป็นร้อยละ 37.74 (20/53)
ครูไม่ครบชั้น (ครู 1 คน สอน 2 ระดับชั้น) คิดเป็นร้อยละ 22.64 (12/53)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
-> - อุปกรณ์ในการเรียนไม่เพียงพอ3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
-> รร.มีครูปฐมวัยตรงวิชาเอก 1 คน อีก 1 คนไม่ตรงวิชาเอก
-> นักเรียนบางคนไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ เพราะพ่อแม่หย่าร้างกัน หรืออาจจะไปมีครอบครัวใหม่
-> ครูสอบติด ย้ายที่ทำงานกลางคัน
-> ติดต่อไม่ได้ 1 คน
-> หน่วยบริการอำเภอไม่ทั่วถึงสำหรับนักเรียนพิการที่มีสามารถมารับบริการที่ศูนย์ได้
-> ขาดห้องเรียนปฐมวัย
-> มีครู 1 คนที่จบเอกปฐมวัยและจะเกษียณในเดือนกันยายน 2565
-> พัฒนาการของเด็กแต่ละคนไม่เท่ากัน
-> 1) เด็กอยู่กับญาติ ครอบครัวแตกแยก พ่อแม่แยกทางกัน 2) ระยะทางห่างไกลโรงเรียน
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการค้นหาเด็กวัยเรียนหลุดจากระบบการศึกษา และติดตามให้ความช่วยเหลือเข้าสู่ระบบการศึกษาของสถานศึกษาท่าน ที่คิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 4.94 (19/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 9.09 (35/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 3.90 (15/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
2.3 การสร้างโอกาสและการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับคนพิการ และผู้ด้อยโอกาสและผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษทั้งในและนอกระบบการศึกษา
1) สภาพความก้าวหน้า
ผู้เรียนที่เป็นผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาสและผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษทั้งในและนอกระบบการศึกษา เข้าถึงบริการการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 34.67 (52/150)
ผู้เรียนที่เป็นผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาสและผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษทั้งในและนอกระบบการศึกษา ได้รับการพัฒนาสมรรถภาพหรือบริการทางการศึกษาที่เหมาะสมตามความจำเป็น โปรดระบุรายละเอียด สถานศึกษามีการจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Program : IEP) สำหรับเด็กพิการเรียนรวม (9 ประเภท) และผ่านเกณฑ์การประเมินระบบการจัดการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 28.67 (43/150)
สถานศึกษามีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนและบริหารจัดการสถานศึกษาที่มีประสิทธิภาพ สามารถลดจำนวนเด็กด้อยโอกาส โดยให้เด็กทุกคนสามารถเข้าถึงและส่งเสริมเด็กด้อยโอกาสให้ได้รับการศึกษาเต็มตามศักยภาพ คิดเป็นร้อยละ 38.00 (57/150)
2) ปัญหาและอุปสรรค
สถานศึกษา/ผู้รับผิดชอบงานการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการและผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ ขาดความเชี่ยวชาญ ความชำนาญเฉพาะด้าน คิดเป็นร้อยละ 24.80 (31/125)
ผู้ปกครองบางส่วนขาดความรู้ ความเข้าใจและมีเจตคติที่ไม่ดีต่อความบกพร่องของเด็กและการส่งเด็กเข้ารับการพัฒนาในสถานศึกษา คิดเป็นร้อยละ 37.60 (47/125)
การพัฒนาและส่งเสริมผู้เรียน เป็นไปได้ยาก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื่อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คิดเป็นร้อยละ 40.80 (51/125)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
-> ปัญหาหลักในการดำเนินโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนผู้ด้อยโอกาสบ้านลาซาล คือ ผู้เรียนอยู่ในพื้นที่ห่างไกล อยู่ในจังหวัดตะเข็บชายแดนหรือชนเผ่าที่เป็นชนกลุ่มน้อย ทำให้เกิดความยากลำบากในการเดินทางออกมาจากพื้นที่ และมีความขัดสนในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส่งผลให้ในบางครั้งผู้ปกครองไม่อยากส่งลูกมาเรียน3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
-> ในการจัดการเรียนการสอน นักเรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษจะมีสมาธิในการเรียนที่น้อยกว่านักเรียนปกติ
-> โรงเรียนบ้านเกาะเต่าขาดครูผู้รับผิดชอบงานการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการและผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ ขาดความเชี่ยวชาญ ความชำนาญเฉพาะด้าน
-> การขาดงบประมาณสนับสนุน ทำให้การพัฒนาศักยภาพการศึกษาให้กับผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษขาดความต่อเนื่องและคล่องตัว
-> บุคลากรไม่เพียงพอ ต่อสัดส่วนจำนวนนักเรียนที่มีความพิการ
-> สถานศึกษาไม่มีผู้เรียนที่พิการ
-> ไม่มีนักเรียนพิการ
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการสร้างโอกาสและการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับคนพิการและผู้ด้อยโอกาสและผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษทั้งในและนอกระบบการศึกษาของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจอยู่ในระดับใดของการดำเนินงานเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนปฐมวัย
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 5.19 (20/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 11.17 (43/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 5.45 (21/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
3. ด้านความร่วมมือ
3.1 การจัดการศึกษาแบบทวิภาคีสู่คุณภาพมาตรฐาน ผ่านศูนย์อาชีวศึกษาทวิภาคีเขตพื้นที่
1) สภาพความก้าวหน้า
ตามแนวทางปฏิบัติจัดการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
ความร่วมมือกับสถานประกอบการ
ไม่มีความร่วมมือ คิดเป็นร้อยละ 3.64 (14/385)
มีความร่วมมือ คิดเป็นร้อยละ 5.71 (22/385)
ในพื้นที่บริการ คิดเป็นร้อยละ 4.94 (19/385)
นอกพื้นที่บริการ/นอกจังหวัด คิดเป็นร้อยละ 1.30 (5/385)
ต่างประเทศ คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
ความร่วมมือกับสถานประกอบการในการจัดการศึกษาระบบทวิภาคี
ไม่มีความร่วมมือ คิดเป็นร้อยละ 3.38 (13/385)
มีความร่วมมือกับสถานประกอบการอย่างเข้มข้น คิดเป็นร้อยละ 5.71 (22/385)
การพัฒนาหลักสูตร คิดเป็นร้อยละ 27.78 (10/36)
การพัฒนาครู คิดเป็นร้อยละ 13.89 (5/36)
การพัฒนานักเรียนนักศึกษา คิดเป็นร้อยละ 44.44 (16/36)
การสนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 13.89 (5/36)
(1) ด้านคุณภาพหลักสูตร
(1.1) ด้านการพัฒนาหลักสูตรรายวิชา ระดับคุณภาพในการพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะรายวิชาที่สอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการ อยู่ในระดับใด
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 2.08 (8/385)
ดี คิดเป็นร้อยละ 3.90 (15/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0.52 (2/385)
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
(1.2) ด้านการบริหารจัดการหลักสูตร ระดับคุณภาพในการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง อยู่ในระดับใด
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 1.56 (6/385)
ดี คิดเป็นร้อยละ 4.42 (17/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0.52 (2/385)
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
(1.3) ด้านทรัพยากรการจัดอาชีวศึกษา ระดับคุณภาพในการบริหารจัดการวัสดุ อุปกรณ์ ครุภัณฑ์ และพื้นที่ อยู่ในระดับใด
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 1.56 (6/385)
ดี คิดเป็นร้อยละ 3.12 (12/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 1.04 (4/385)
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
(1.4) ด้านคุณภาพผู้สำเร็จการศึกษา ผ่านเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานวิชาชีพของสถานศึกษาและหน่วยงานภายนอก อยู่ในระดับใด
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 1.82 (7/385)
ดี คิดเป็นร้อยละ 3.38 (13/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0.52 (2/385)
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
(1.5) ด้านคุณภาพผู้สำเร็จการศึกษา ระบบทวิภาคีที่ได้งานทำหรือประกอบอาชีพอิสระ อยู่ในระดับใด
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 2.34 (9/385)
ดี คิดเป็นร้อยละ 2.60 (10/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 1.04 (4/385)
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
(2) ด้านคุณภาพผู้สำเร็จการศึกษา
(2.1) ด้านทักษะและความสามารถในการปฏิบัติงาน ผู้เรียนชั้นปีสุดท้ายที่มีคุณลักษณะตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพ (VQ) อยู่ในระดับใด
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 1.30 (5/385)
ดี คิดเป็นร้อยละ 3.64 (14/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 1.04 (4/385)
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
(2.2) ด้านทักษะและความสามารถในการปฏิบัติงาน ผู้เรียนผ่านการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง อยู่ในระดับใด
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 2.34 (9/385)
ดี คิดเป็นร้อยละ 2.86 (11/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0.78 (3/385)
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
(2.3) ด้านความพึงพอใจของสถานประกอบการที่มีต่อคุณภาพของผู้สำเร็จการศึกษา อยู่ในระดับใด
ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 1.56 (6/385)
ดี คิดเป็นร้อยละ 3.64 (14/385)
ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0.78 (3/385)
ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
2) ปัญหาและอุปสรรค
ด้านครูผู้สอน
ครูไม่เข้าใจการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี คิดเป็นร้อยละ 33.33 (3/9)
ครูขาดขวัญและกำลังใจ การจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี คิดเป็นร้อยละ 66.67 (6/9)
อื่น ๆ (ถ้ามี) ........................................ (ข้อความ)
ด้านการบริหารจัดการ
สถานศึกษามีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารบ่อย ทำให้ขาดความต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 21.05 (4/19)
ผู้เรียน และผู้ปกครองไม่เข้าใจการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี คิดเป็นร้อยละ 21.05 (4/19)
สถานประกอบการมีข้อจำกัดในการรับผู้เรียนเข้ารับการฝึกวิชาชีพ คิดเป็นร้อยละ 57.89 (11/19)
อื่นๆ (ถ้ามี)............................................... (ข้อความ)
-> สถานศึกษามีเฉพาะระดับอนุบาลด้านผู้เรียน
ผู้เรียนขาดทักษะ Sft Skill คิดเป็นร้อยละ 8.33 (2/24)
ผู้เรียนไม่ปรับตัวเข้ากับสถานประกอบการ คิดเป็นร้อยละ 25.00 (6/24)
ผู้เรียนเลือกฝึกวิชาชีพใกล้บ้าน ซึ่งไม่ตรงกับสาขาวิชาที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด คิดเป็นร้อยละ 29.17 (7/24)
ค่าใช้จ่ายในการฝึกวิชาชีพ คิดเป็นร้อยละ 37.50 (9/24)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
อื่นๆ ระบุ
-> สถานศึกษษมีเฉพาะระดับอนุบาล3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
-> สถานการณ์โรคระบาดไวรัส 2019 ทำให้บางระยะไม่สามรถส่งผู้เรียนเข้าฝึกอาชีพในสถานประกอบการได้
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีสู่คุณภาพมาตรฐาน ผ่านศูนย์อาชีวศึกษาทวิภาคีเขตพื้นที่ของสถานศึกษาท่าน ที่คิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.78 (3/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 3.38 (13/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 1.56 (6/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
3.2 การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทุกช่วงวัย โดยการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย และสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อการพัฒนาทักษะอาชีพ โดยการเพิ่มพูนทักษะ (Re-skill) พัฒนาทักษะ (Up skill) และการเรียนรู้ทักษะใหม่ (New skills)
1) สภาพความก้าวหน้า
ด้านหลักสูตร
หลักสูตรเพื่อการพัฒนาอาชีพ Re-skill/Up-Skill/New skills คิดเป็นร้อยละ 36.23 (25/69)
จำนวน.................หลักสูตร (ตัวเลข)
จำนวนผู้เข้ารับการพัฒนา .....................คน (ตัวเลข)
หลักสูตรกลุ่มอาชีพเกษตรกรรม คิดเป็นร้อยละ 18.84 (13/69)
จำนวน.................หลักสูตร (ตัวเลข)
จำนวนผู้เข้ารับการพัฒนา .....................คน (ตัวเลข)
หลักสูตรกลุ่มอาชีพความคิดสร้างสรรค์ คิดเป็นร้อยละ 17.39 (12/69)
จำนวน.................หลักสูตร (ตัวเลข)
จำนวนผู้เข้ารับการพัฒนา .....................คน (ตัวเลข)
หลักสูตรกลุ่มอาชีพอุตสาหกรรม คิดเป็นร้อยละ 13.04 (9/69)
จำนวน.................หลักสูตร (ตัวเลข)
จำนวนผู้เข้ารับการพัฒนา .....................คน (ตัวเลข)
หลักสูตรกลุ่มอาชีพเฉพาะทาง คิดเป็นร้อยละ 14.49 (10/69)
จำนวน.................หลักสูตร (ตัวเลข)
จำนวนผู้เข้ารับการพัฒนา .....................คน (ตัวเลข)
อื่นๆ ระบุ
-> ห้องเรียนอาชีพ,ห้องเรียนพัมธมิตรจำนวน.................หลักสูตร (ตัวเลข)
-> ชุมนุมชีวิตเป็นสุข สนุกกับเศรษฐกิจพอเพียง
-> หลักสูตรสถานศึกษาบูรณาการในกลุ่มสาระ
-> หลักสูตรการแปรรูปอาหาร
-> หลักสูตรอาชีพสำหรับเด็กพิการของศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 4 จังหวัดตรัง พุทธศักราช 2563
-> 0
-> การงานอาชีพ
-> พาณิชยกรรมและบริการ
-> ศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดสมุทรปราการมีการจัดกิจกรรมสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อ การพัฒนาทักษะอาชีพภายใต้หลักสูตรอาชีพ
-> หลักสูตรปฐมวัย
จำนวนผู้เข้ารับการพัฒนา .....................คน (ตัวเลข)
ด้านกระบวนการพัฒนา
แบบอบรม/สัมมนา แบบรวมกลุ่ม มีวิทยากรบรรยาย คิดเป็นร้อยละ 44.44 (28/63)
แบบสื่อออนไลน์ ผ่านระบบ Zm หรือแอพพลิเคชั่นต่างๆ คิดเป็นร้อยละ 23.81 (15/63)
แบบเรียนรู้ด้วยตัวเอง คิดเป็นร้อยละ 31.75 (20/63)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
-> 1. นักเรียนตามหลักสูตรโครงการห้องเรียนอาชีพ 2. นักเรียนเรียงความหลักสูตรห้องเรียนพันธมิตร จากสถาบันปัญญาภิวัฒน์2) ปัญหาและอุปสรรค
-> กิจกรรมในรูปแบบชุมนุมวิชาการ
-> ฝึกปฏิบัติ
-> เรียนในสถานประกอบการ
-> ในด้านการพัฒนานักเรียนภายใต้หลักสูตรอาชีพของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดสมุทรปราการ ได้จัดแบบบูรณาการ เน้นย้ำไปที่ความสามารถที่แตกต่างของแต่ละบุคคล รวมไปถึงสภาพแวดล้อมแต่ละครอบครัว กระบวนการพัฒนามีทั้งรูปแบบการสอน 1 ต่อ 1 ในชั้นเรียน สอนเป็นกลุ่ม สอนแบบได้ลงปฎิบัติจริง และสุดท้ายคือการสอนแบบออนไลน์โดยผ่านผู้ปกครองในการเป็นผู้ช่วยและแนะนำในการฝึกปฎิบัติ
-> ปลูกผักสวนครัวระดับชั้นเรียน
-> ครูผู้สอนเปิดรายวิชาตามความถนัดของผู้เรียน
ระยะเวลาในการพัฒนาไม่สัมพันธ์กับงบประมาณที่จัดสรร คิดเป็นร้อยละ 16.90 (12/71)
นโยบายขาดความต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 16.90 (12/71)
ขาดการมีส่วนร่วม คิดเป็นร้อยละ 5.63 (4/71)
ขาดบุคลากรที่มีความชำนาญเฉพาะด้านในแต่ละหลักสูตร คิดเป็นร้อยละ 19.72 (14/71)
วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือในการพัฒนาไม่เพียงพอ และไม่ทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 30.99 (22/71)
รูปแบบการพัฒนายังยึดติดกับเนื้อหามากกว่าทักษะกระบวนการ คิดเป็นร้อยละ 9.86 (7/71)
อื่นๆ ระบุ
-> ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ทำให้ไม่สะดวกในการทำกิจกรรม3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
-> นักเรียนบางคนไม่พร้อมทั้งทางด้านความพร้อมของครัวครัว และด้านเครื่องมือสื่อสาร
-> ความพร้อมที่จะเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคนไม่เท่ากัน ในหลายๆด้าน เช่น ด้านอุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ ด้านสภาพความเป็นอยู่และด้านอื่นๆ
-> กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่จำนวนลดลง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในพื้นที่ท่องเที่ยว
-> ติดระเบียบเรื่องการเบิกจ่าย
-> ค่าตอบแทนวิทยากรน้อย
-> ไม่สามารถจัดกิจกรรรมการการเรียนการสอนได้ตามปกติ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
-> สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) วิทยากรบางคนอยู่กลุ่มเสี่ยงสูงต้องกักตัว และบางพื้นที่เป็นหมู่บ้านเสี่ยงไม่สามารถดำเนินการจัดการจัดกิจกรรมได้
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่านที่คิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี)** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 3.38 (13/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 7.01 (27/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 3.12 (12/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
4. ด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
4.1 การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วมและการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน
1) สภาพความก้าวหน้า
(1) การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน
(1.1) การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษา
สถานศึกษามีการจัดทำ/นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษา ทุกระดับการศึกษา ระบุ
ครูได้รับการพัฒนาการจัดทำสื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัยและนำมาปรับใช้ในการเรียนการสอน คิดเป็นร้อยละ 30.17 (89/295)
สถานศึกษามีการส่งเสริม สนับสนุน โดยการจัดการเรียนการสอน/กิจกรรม เพื่อให้ผู้เรียนได้รับ การส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน คิดเป็นร้อยละ 31.53 (93/295)
(2) รูปแบบการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษาภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
On-Site (การจัดการเรียนการสอนตามปกติ) คิดเป็นร้อยละ 24.39 (80/328)
On Air (การเรียนการสอนผ่านทีวี/ผ่านระบบดาวเทียม/ระบบเคเบิลทีวี/ระบบ IPTV/ระบบ Zoom) คิดเป็นร้อยละ 10.98 (36/328)
Online (การเรียนการสอนผ่านอินเตอร์เน็ต) คิดเป็นร้อยละ 24.39 (80/328)
On Hand (การจัดการเรียนการสอนโดยนำหนังสือ แบบฝึกหัด ใบงาน ไปเรียนรู้ที่บ้านภายใต้ความช่วยเหลือของผู้ปกครอง) คิดเป็นร้อยละ 26.52 (87/328)
On-Demand (การเรียนการสอนผ่านเว็บไซต์ DLTV ช่อง Youtube และแอพลิเคชัน DLTV บนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต และอื่นๆ) คิดเป็นร้อยละ 15.24 (50/328)
รูปแบบผสมผสาน ระบุ
2) ปัญหาและอุปสรรค
ครูขาดการพัฒนาในการจัดทำสื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัยและนำมาปรับใช้ในการเรียนการสอน คิดเป็นร้อยละ 16.50 (34/206)
ครูไม่มีความชำนาญในการใช้สื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 20.39 (42/206)
ผู้เรียนขาดแคลนอุปกรณ์และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต สำหรับการเรียนการสอน คิดเป็นร้อยละ 39.32 (81/206)
ผู้เรียนขาดการมีส่วนร่วมในการเรียน คิดเป็นร้อยละ 25.73 (53/206)
อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
-> ระบุอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนด้านเทคโนโลยีของนักเรียนไม่รองรับกับโปรแกรมใหม่ๆ3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
-> ผู้ปกครองมีฐานะยากจน ต้องทำงานไม่มีเวลาดูแลนักเรียนในช่วงระหว่างเรียนออนไลน์ ทำให้ผู้เรียนหลายคนขาดโอกาสในการเรียนรู้
-> 3. นักเรียนมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีพื้นฐานแตกต่างกัน
-> ผู้ปกครองไม่มีเวลาในการดูแลบุตรหลานให้เรียนออนไลน์
-> สถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้มีข้อจำกัดในการเรียนรู้
-> ผู้ปกครองและผู้เรียนยังไม่มีความพร้อมในการใช้เทคโนโลยีร่วมกับครูผู้สอน ส่งผลให้การจัดการเรียนการสอนมีข้อจำกัดและมีความยากลำบาก
-> นักเรียนไ่เข้าใจในบทเรียน และให้ผู้ปกครองทำใบงานให้
-> ผู้ปกครองบางท่านต้องไปทำงานทำให้นักเรียนในระดับมัธยมบางคนขาดความเอาใจใส่ในการเรียนแบบ Online
-> นักเรียนบางคนไม่มีอุปกรณ์ในการเรียน Online
-> ครูมีความชำนาญด้านการใช้สื่อฯ ไม่เท่ากัน
-> งบอุดหนุนรายหัวไม่สามารถจัดซื้อครุภัณฑ์ อาทิ อุปกรณ์เครื่องคอมพิวเตอร์ได้
4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 7.79 (30/385)
พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 17.66 (68/385)
พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 4.42 (17/385)
พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)