SCHOOL INFO

สรุปภาพรวมการตรวจราชการ

โรงเรียนที่เป็นหน่วยรับตรวจทั้งหมด 385 โรงเรียน
ทำแบบสรุปแล้วจำนวน 160 โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 41.56

สรุปการลงพื้นที่ตรวจราชการและติดตามประเมินผลการขับเคลื่อนนโยบายการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

1. ด้านการพัฒนาครูและการจัดการเรียนการสอน
1.1 การจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนทุกระดับมีส่วนร่วมสร้างสรรค์การเรียนรู้ เพื่อให้เกิดสมรรถนะหลักและการพัฒนาตนเองตามความถนัดและความสนใจ (Active Learning)
  1) สภาพความก้าวหน้า
     การนำไปใช้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชา ระบุ
     
     การนำไปใช้ในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนระบุ
     
     อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
     
  2) ปัญหาและอุปสรรค
     ด้านครูผู้สอน
           ครูไม่ได้รับการอบรม/พัฒนาวิธีการจัดการเรียนการสอน แบบ Active Learning คิดเป็นร้อยละ 23.93 (28/117)
           ครูขาดขวัญ กำลังใจ หรือแรงกระตุ้นในการจัดการเรียนการสอน คิดเป็นร้อยละ 6.84 (8/117)
           ครูขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning คิดเป็นร้อยละ 29.91 (35/117)
           ครูมีภาระงานมาก คิดเป็นร้อยละ 43.59 (51/117)
           อื่น ๆ (ถ้ามี) ระบุ
     ด้านการบริหารจัดการ
           ผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญกับการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning คิดเป็นร้อยละ 5.88 (5/85)
           นโยบายขาดความต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 44.71 (38/85)
           ขาดการมีส่วนร่วม คิดเป็นร้อยละ 16.47 (14/85)
           ขาดการนิเทศ ติดตาม หรือผู้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning คิดเป็นร้อยละ 36.47 (31/85)
           อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
           -> 1. ในพื้นที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 2. การจัดการเรียนรู้ตามวิถีใหม่ ทำให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active learning เป็นไปอย่างจำกัด เพื่อความปลอดภัยอย่างสูงสุดของผู้เรียน
           -> ขาดงบประมาณที่เพียงพอ
           -> การนิเทศไม่ต่อเนื่อง
           -> ผู้เรียนต่างก็มีอาชีพการงานที่รับผิดชอบ ทำให้มีเวลาว่างที่ตรงกันยาก คนหนึ่งว่าง อีกคนไม่ว่าง ทำให้ปรับความคิดกันลำบาก แต่ต่างก็พยายามปรับความคิดที่จะพัฒนานวัตกรรมที่จะแก้ปัญหาให้ได้มากที่สุด
           -> สถานการณ์โควิดทำให้การบริหารจัดการมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไม่เกิดความต่อเนื่อง
           -> ด้านการบริหารหลักสูตร อยู่ในระหว่างปรับปรุงหลักสูตรฐานสมรรถนะ
           -> การเรียนการสอนไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้กิจกรรมไม่ต่อเนื่อง
           -> ยังต้องใช้ระยะเวลาในการปรับเปลี่ยนกระบวนการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอนเพื่อมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีส่วนสร้างสรรค์การเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ตามความถนัดและความสนใจ
           -> 1).การบริหารจัดการในชั้นเรียนในรูปแบบ Active Learning เป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการลงมือทำ โดยครูผู้สอนได้มอบหมายให้นักเรียนไปปฏิบัติจริงที่บ้าน เพื่อส่งเสริมให้เกิดทักษะการเรียนรู้ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริง อาทิ การปลูกต้นไม้ การตอนกิ่ง เป็นต้น 2)ครูผู้สอนใช้เทคนิคการเรียนการสอนที่หลากหลาย อาทิ การสาธิต การทดลอง หรืออื่นใด เพื่อให้นักเรียนมีการคิด วิเคราะห์ ค้นหาคำตอบภายในชั่วโมงเรียน ซึ่งเป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่า และครอบคลุมในเนื้อหาของบทเรียน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ควรมีการลดระยะเวลาของการรวมกลุ่ม 3)ครูใช้การสอนแบบ New Normal หากไม่สามารถจัดการเรียนการสอนแบบ Onsite ได้ อาทิ การสอนแบบ Online โดยใช้ Google Meet Zoom และ On hand โดยรับใบงาน/ใบความรู้/อื่นใดที่ส่งเสริมให้นักเรียนมีความรู้ มีทักษะ และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันให้เหมาะสมตามช่วงวัย/ช่วงชั้น
           -> นิเทศ ติดตาม ผ่านระบบออนไลน์
           -> ผู้บริหารสนับสนุนให้ครูผู้สอนอบรมกิจกรรม Active Learning ตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วังจันเกษม นัด ๑ และนัด ๒ เพื่อให้ครูได้รับความรู้และนำมาปรับใช้กับ และผู้บริหารให้ความสำคัญต่อการจัดการเรียนการสอนโดยมีการจัดทำการประเมินห้องเรียนคุณภาพขึ้น
           -> ขาดการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาครูและบุคลากรที่พอเพียงจากหน่วยงานของรัฐ/เอกชนที่เกี่ยวข้อง
           -> ครูครบตามเกณฑ์ แต่ยังขาดแคลนครูบางกลุ่มสาระ เช่น ปฐมวัยและคณิตศาสตร์
           -> การส่งครูเข้ารับการอบรมการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning มีจำนวนน้อย
           -> การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไว้รัสโคโรนา (COVID-19)ส่งผลต่อการบริหารจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน
           -> การจัดสรรงบประมาณ
     ด้านสื่อ วัสดุอุปกรณ์
           ขาดสื่อ วัสดุอุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอนของผู้เรียน คิดเป็นร้อยละ 40.00 (60/150)
           เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว อุปกรณ์ไม่ทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 36.00 (54/150)
           ขาดผู้ดูแล หรือซ่อมแซมสื่อ วัสดุอุปกรณ์ คิดเป็นร้อยละ 27.33 (41/150)
           อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
           -> 1. ในพื้นที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) การจัดการเรียนรู้ตามวิถีใหม่ ทำให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active learning เป็นไปอย่างจำกัด เพื่อความปลอดภัยอย่างสูงสุดของผู้เรียน
           -> อาคารสถานที่ ห้องปฏิบัติการ พื้นที่จัดเก็บไม่เพียงพอ
           -> เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว อุปกรณ์ไม่ทันสมัย
           -> ขาดบุลลากรสนับสนุน (ครูธุรการและนักการภารโรง)
           -> ขาดงบประมาณในการจัดทำสื่อ เพราะการสอนแบบ Active Learning ต้องใช้งบประมาณมาก
           -> ยังขาดงบประมาณในการขยายสัญญาณ wifi ให้ครอบคลุมในทุกอาคารเรียน
           -> ครูผู้สอนบางส่วนยังขาดทักษะในการสร้างสื่อการสอนที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในปัจจุบัน
           -> ระบุ เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้โรงเรียนต้องจัดการเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์ การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning บางกิจกรรมต้องมีสื่อหรืออุปกรณ์ซึ่งนักเรียนไม่มีที่บ้าน
           -> ผู้เรียนมีอุปกรณ์ในการเรียนออนไลน์ไม่ครบทุกคน
           -> ครูมีการอบรมและผลิตสื่อที่หลากหลายตามความเหมาะสมศักยภาพของผู้เรียน
           -> วัสดุอุปกรณ์ เทคโนโลยีมีไม่เพียงพออ
           -> การใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการเรียนการสอน อาจมีปัญหาสาหรับเด็กปฐมวัย เนื่องจากเด็กในวัยนี้ค่อนข้างมีสมาธิในการเรียนสั้น
           -> ไม่สามารถจัดหาสื่อที่ต้องการเนื่องจากติดในระเบียบการจัดซื้อวัสดุ ครุภัณฑ์
     อื่นๆ ระบุ
      -> อยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโรงเรียนยังไม่ได้ดำเนินการเพื่อป้องกันและปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างและการร่วมกิจกรรม
      -> สถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
      -> สถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้ไม่สามารถจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ได้
      -> ทางโรงเรียนต้องจัดสรรงบประมาณจำนวนมากในการจัดหาสื่อ อุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอน จัดเทคโนโลยีให้มีความทันสมัยและเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน จากสถานการณ์โควิด-19ต้องจัดการเรียนการสอนรูปแบบออนไลน์เพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้มากที่สุด
      -> งบประมาณสนับสนุนด้านสื่อและเทคโนโลยี
      -> อาทิ อุปกรณ์ที่ทันสมัย ไม่สามารถซื้อได้ในเงินงบประมาณ
  3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
  
  4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
  
  5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
      พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 8.05 (31/385)
      พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 19.48 (75/385)
      พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 4.42 (17/385)
      พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
      พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
1.2 การจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองให้มีความทันสมัยสอดรับกับวิถีใหม่เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น และการเสริมสร้างวิถีชีวิตของความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง
  1) สภาพความก้าวหน้า
      สถานศึกษามีการจัดกิจกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันที่แสดงถึงความตระหนักและเห็นคุณค่าในประวัติศาสตร์ สังคม วัฒนธรรมของครอบครัว สถานศึกษาและชุมชน คิดเป็นร้อยละ 15.60 (105/673)
      สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับผู้อื่นโดยรักษาสิทธิของตน เคารพสิทธิของผู้อื่น และรับผิดชอบตามบทบาทหน้าที่ของตนเอง และสิ่งแวดล้อม คิดเป็นร้อยละ 16.34 (110/673)
      สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนกำกับตนเองในการใช้จ่ายของตนเอง และครอบครัว คิดเป็นร้อยละ 12.04 (81/673)
      สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นใฝ่ทำความดี และอยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วยดีบนหลักปฏิบัติของศาสนาที่นับถือ คิดเป็นร้อยละ 15.75 (106/673)
      สถานศึกษาได้พัฒนาสื่อที่ทันสมัย สอดรับกับวิถีใหม่เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน คิดเป็นร้อยละ 9.51 (64/673)
      สถานศึกษามีการบูรณาการด้านการผลิตและการใช้สื่อการเรียนการสอนร่วมกับสถานศึกษาอื่น คิดเป็นร้อยละ 5.65 (38/673)
      สถานศึกษาเปลี่ยนวิธีการสอนเป็น แนว Active learning และเสริมทักษะในการค้นคว้าหาความรู้กระแสหลัก กระแสรองในทางประวัติศาสตร์ให้เด็กสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง คิดเป็นร้อยละ 9.66 (65/673)
      สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนคิดเป็น วิจารณ์เนื้อหาได้ แลแสร้างองค์ความรู้ใหม่ คิดเป็นร้อยละ 8.32 (56/673)
      สถานศึกษาสามารถจัดการเรียนการสอนไม่ให้ผู้เรียนเบื่อที่จะเกิดการวิเคราะห์เรียนรู้ สิ่งรอบตัวแม้บางเนื้อหาที่ผู้เรียนเห็นในหนังสือเรียน ไม่ตรงกับความจริงที่เกิดขึ้น คิดเป็นร้อยละ 9.06 (61/673)
      อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
      -> การจัดการเรียนการสอนโดยบูรณาการกับกิจกรรมอื่นๆ - นักเรียนร่วมกิจกรรมหน้าเสาธง เพื่อแสดงความเคารพสามสถาบันหลักคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยความจงรักภักดี และด้วยความศรัทธาเลื่อมใสในศาสนาที่ตนนับถือ - นักเรียนร่วมกิจกรรมประชาธิปไตย โรงเรียนมีกิจกรรมในการปลูกฝังวิถีประชาธิปไตยให้กับนักเรียน โดยการส่งเสริมให้นักเรียนทุกคนได้เรียนรู้ ร่วมกิจกรรม นำหลักปฏิบัติตามวิถีประชาธิปไตยไปใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ มีการส่งเสริมกิจกรรมการเลือกตั้ง เช่น การเลือกตั้งหัวหน้าห้อง ประธานชุมนุม ดังเช่นการเลือกประธานนักเรียนของโรงเรียนหนองโตง”สุรวิทยาคม” ที่ผ่านมา นักเรียนได้ฝึกการใช้สิทธิ์ ตามขั้นตอนคือ แสดงตนขอรับบัตรเลือกตั้ง รับบัตรเลือกตั้ง เข้าคูหากากบาท หย่อนบัตรเลือกตั้ง เข้าออกให้ถูกตามช่องทางที่กำหนดให้ - นักเรียนร่วมปฏิบัติตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง เป็นกรอบแนวคิด ซึ่งมุ่งให้ทุกคนสามารถพึ่งพาตัวเองได้ รวมถึงการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น จนเกิดความยั่งยืน คำว่า พอเพียง คือ การดำเนินชีวิตแบบทางสายกลาง โดยตั้งอยู่บนหลักสำคัญสามประการ คือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกันที่ดี นักเรียนจึงน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน ด้วยการฝึกการใช้จ่ายเงินในสิ่งที่จำเป็นด้วยตนเอง ปลูกฝังนิสัยการออม ในโครงการออมทรัพย์ของโรงเรียน นักเรียนจะนำเงินออมมาฝากกับครูประจำชั้น และจะมีเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินมารับเงินออมทุกวันศุกร์ - กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ได้จัดกิจกรรมเสริมตามวิสัยทัศน์ของโรงเรียน คือ “นักเรียนมีความรู้คู่คุณธรรม น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียงเคียงคู่สิ่งแวดล้อม งามพร้อมวัฒนธรรมท้องถิ่น” ได้จัดกิจกรรมให้นักเรียนตั้งแต่สายชั้นอนุบาล1-สายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เข้าร่วมกิจกรรมอบรมคุณธรรม จริยธรรม ตามความเหมาะสม เช่น โครงการสู่ร่มอาราม (พานักเรียนเข้าไปเรียนรู้หลักธรรมและปฏิบัติจริงที่วัด) โครงการร่วมกิจกรรมเวียนเทียนในวันสำคัญทางศาสนาที่วัดจุมพลสุทธาวาส ร่วมงานประเพณีลอยกระทง โดยขอรับบริจาคกระทงและรางวัลสอยดาว จากผู้ปกครองเพื่อนำไปมอบให้กับทางวัดต่างๆในชุมชน เป็นประจำทุกปี การเพื่อปลูกฝังต้นกล้าในการทำความดี มุ่งเน้นให้นักเรียนใฝ่ทำความดีในชีวิตประจำวัน และอยู่กับผู้อื่นด้วยดีบนหลักปฏิบัติของศาสนาที่นับถือ
      -> – โรงเรียนราชวินิตบางแก้วมีการจัดกิจกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันที่แสดงถึง ความตระหนักและเห็นคุณค่าในประวัติศาสตร์ สังคม วัฒนธรรมของครอบครัว สถานศึกษา และชุมชน เช่น การเข้าร่วมประเพณีรับบัวของอำเภอบางพลี เป็นประจำทุกปี โดยมีการแสดงวิถีชาวมอญ มีการจัดกิจกรรมวันสถาปนาโรงเรียนทุกวันที่ 9 มีนาคมของทุกปี เพื่อระลึกถึงพระบารมีปกเกล้าของรัชกาลที่ 9 ที่ทรงก่อตั้งโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว เป็นต้น และยังมุ่งเน้นให้ผู้เรียนใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับผู้อื่นโดยรักษาสิทธิของตน เคารพสิทธิของผู้อื่น และรับผิดชอบตามบทบาทหน้าที่ของตนเองและสิ่งแวดล้อม กำกับตนเองในการใช้จ่ายของตนเองและครอบครัว จัดการเรียน การสอนที่มุ่งเน้นใฝ่ทำความดี และอยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วยดีบนหลักปฏิบัติของศาสนาที่นับถือ พัฒนาสื่อที่ทันสมัยสอดรับกับวิถีใหม่เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน – โรงเรียนราชวินิตบางแก้วใช้วิธีสอนเป็นแนว Active Learning และเสริมทักษะ ในการค้นคว้าหาความรู้ในทางประวัติศาสตร์ ให้นักเรียนสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง คิดเป็น และวิจารณ์เนื้อหาได้ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ – รูปภาพประกอบการจัดกิจกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันที่แสดงถึงความตระหนักและ เห็นคุณค่าในประวัติศาสตร์ สังคม วัฒนธรรมของครอบครัว สถานศึกษาและชุมชน
      -> สถานศึกษาจัดการเรียนการสอน และบูรณาการให้ผู้เรียนมีความตื่นรู้ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย รู้จักสิทธิและหน้าที่และฝึกการโต้แย้งประเด็นทางสังคมและการเมือง
  2) ปัญหาและอุปสรรค
     ด้านครูผู้สอน (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
           ครูขาดการพัฒนาเทคนิคและวิธีการจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองให้น่าสนใจ คิดเป็นร้อยละ 30.41 (45/148)
           ครูยังไม่มีความพร้อมในการนำเทคนิค วิธีการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบสื่อออนไลน์ หรือเทคโนโลยีมาประกอบการสอนวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง คิดเป็นร้อยละ 20.27 (30/148)
           ครูขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน Active Learning มาประยุกต์ใช้ คิดเป็นร้อยละ 19.59 (29/148)
           ครูผู้สอนมีภาระงานมาก คิดเป็นร้อยละ 33.11 (49/148)
           อื่น ๆ (ถ้ามี) ระบุ
     ด้านการบริหารจัดการ (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
           ผู้บริหารสถานศึกษาไม่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองให้มีความทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 6.72 (8/119)
           นโยบายขาดความต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 24.37 (29/119)
           ขาดการมีส่วนร่วมระหว่างปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ปกครอง สถานศึกษาและผู้เรียนในการสร้างการเรียนรู้เกี่ยวกับการสอนประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองให้มีความทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 35.29 (42/119)
           ผู้เรียนไม่ค่อยสนใจในการเรียนเกี่ยวกับวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง เพราะคิดว่าน่าเบื่อ ไม่ทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 36.97 (44/119)
           อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
           -> เวลาเรียน 1 คาบต่อสัปดาห์ไม่เพียงพอกับบทเรียน ทำให้การเรียนการสอนขาดความต่อเนื่อง
           -> การจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ มีส่วนทำให้การจัดกิจกรรมขาดความหลากหลายและการมีส่วนร่วมในการเข้าร่วมกิจกรรมที่นำไปสู่การ Action
           -> สภาพการเรียนการสอน เพราะการสอนวิชาประวัติศาสตร์ ที่ผ่านมายังเป็นแบบปกติ คือ ครูเป็นผู้นาเสนอเพียงอย่างเดียว ยากที่จะทาให้ผู้เรียนสร้างความคิดรวบยอดหรือมโนทัศน์ทางประวัติศาสตร์ ขาดการเสวนากลุ่ม
     ด้านสื่อ วัสดุอุปกรณ์ (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
           บริเวณที่ตั้งของสถานศึกษาขาดแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชุมชนท้องถิ่นที่น่าสนใจ คิดเป็นร้อยละ 30.77 (32/104)
           ขาดสื่อ เทคโนโลยี วัสดุอุปกรณ์ที่ทันสมัยมาสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์วิถีใหม่ คิดเป็นร้อยละ 72.12 (75/104)
           อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
           -> เนื่องจากในการดำเนินชีวิตแบบวิถีใหม่ในยุคที่มีโรคระบาด covid 19 ทำให้นักเรียนไม่สามารถศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ภายนอก ทำให้นักเรียนไม่สามารถศึกษาได้จากสถานที่จริง
           -> มีความต้องการสื่อและอุปกรณ์ประกอบการสอนที่หลากหลาย ทันสมัย และเข้าใจง่าย
           -> ไม่มีปัญหา
           -> เนื้อหาในหนังสือเรียนมีความล้าสมัย ไม่พัฒนาเนื้อหาให้มีความเป็นสมัยใหม่ ไม่มุ่งเน้นความเป็นท้องถิ่นอย่างแท้จริง
      อื่นๆ ระบุ
      -> โรงเรียนบ้านเกาะเต่า เป็นโรงเรียนเขตพื้นที่พิเศษตามประกาศกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นโรงเรียนพื้นที่ ที่อยู่ห่างไกลยากต่อการเดินทางสัญจรไปในพื้นที่ต่าง ๆ และการเดินทาง ในแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากจึงทำให้การศึกษาในเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ในเขตพื้นที่ของอำเภอ ในเขตพื้นที่ของจังหวัด ในเขตพื้นที่ของภาคใต้ และในเขตพื้นที่ของประเทศ ทำให้นักเรียน ไม่สามารถารถเดินทางไปทัศนศึกษาได้อย่างครบถ้วนตามเนื้อหาสาระ โดยนักเรียนไม่ได้เกิดกระบวนการเรียนรู้ จากสถานที่จริงตามบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
  3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
  
  4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
  
  5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
      พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 6.75 (26/385)
      พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 19.48 (75/385)
      พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 4.68 (18/385)
      พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
      พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
1.3 การพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกประเภทให้มีสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัล รวมทั้งการจัดการเรียนการสอน
  1) สภาพความก้าวหน้า
     (1) ครูได้รับการพัฒนาด้านสมรรถนะทางภาษาหรือไม่
           ได้รับการพัฒนา คิดเป็นร้อยละ 22.34 (86/385)
           ไม่ได้รับการพัฒนา (ข้ามไปตอบข้อ (5) คิดเป็นร้อยละ 9.61 (37/385)
     (2) ครูได้รับการพัฒนาด้านสมรรถนะทางภาษาโดยหน่วยงานใด
           สพฐ./สอศ./สช./กศน. คิดเป็นร้อยละ 45.45 (45/99)
           สพป./สพม./ศธจ./กศจ.จังหวัด คิดเป็นร้อยละ 35.35 (35/99)
           หน่วยงานภายนอก เช่น มหาวิทยาลัย คิดเป็นร้อยละ 21.21 (21/99)
           อื่นๆ ระบุ
           -> สำนักบริหารงานการศึกษาพี่เศษ
           -> HCEC ศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคลเพื่อความเป็นเลิศ
           -> 1. The Lasallian East Asia District (LEAD) 2. สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ
           -> สสวท.
           -> ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 4 จังหวัดตรัง
           -> ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 4 จังหวัดตรัง
           -> โรงเรียนมีการจัดอบรมให้ครูในโรงเรียน
           -> กิจกรรมของชุมชน
           -> Coaching English
           -> กศน.
           -> ผ่านการอบรมจากหน่วยงานต้นสังกัด และการเรียนรู้ผ่านกลุ่มเครือข่าย และการศึกษาด้วยตนเองจากแฟตฟอร์มต่างๆที่มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
           -> ไม่ได้รับการสนับสนุน
           -> โปรแกรม speexx
           -> ศึกษาและอบรมด้วยตนเองผ่านอินเทอร์เน็ต
           -> บุคลากรครูต่างชาติ จัดอบรมให้คุณครู ภาคเรียนละ 1-2 ครั้ง
           -> ยังไม่ได้รับการพัฒนา
           -> สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน Thai Mooc
           -> หน่วยงานเอกชนอื่นๆที่เข้ามาช่วยสนับสนุน
           -> โรงเรียนจัดอบรมให้ครู
           -> ทางออนไลน์
           -> ครูและบุคลากรภายในโรงเรียน และกลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ
           -> สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
           -> ภาคีเครือข่าย
           -> ดำเนินการส่งเสริมสนับสนุนให้ครูและนักเรียนเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตร “อุ่นใจไซเบอร์” ของบริษัท AIS
           -> บริษัทเอกชน
           -> การอบรมทาง Online
           -> สถาบันวิจัยการเรียนรู้
     (3) เมื่อได้รับการพัฒนาด้านสมรรถนะทางภาษา ได้นำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนหรือไม่
           ได้นำไปใช้ ระบุ
           ไม่ได้นำไปใช้ คิดเป็นร้อยละ 1.04 (4/385)
     (4) ครูมีการนำสมรรถนะด้านภาษาไปขยายผลให้กับครูใน/นอกสถานศึกษาหรือไม่อย่างไร
           มี ระบุ
           ไม่มี คิดเป็นร้อยละ 10.13 (39/385)
     (5) ครูได้รับการพัฒนาด้านสมรรถนะทางด้านดิจิทัลหรือไม่
           ได้รับ
           ไม่ได้รับ (ข้ามไปตอบข้อ 2) คิดเป็นร้อยละ 4.94 (19/385)
     (6) ครูได้รับการพัฒนาด้านสมรรถนะทางด้านดิจิทัลโดยหน่วยงานใด
           สพฐ./สอศ./สช./กศน. คิดเป็นร้อยละ 49.23 (64/130)
           สพป./สพม./ศธจ./กศจ.จังหวัด คิดเป็นร้อยละ 33.85 (44/130)
           หน่วยงานภายนอก เช่น มหาวิทยาลัย คิดเป็นร้อยละ 17.69 (23/130)
           อื่นๆ ระบุ
           -> โรงเรียนอนุบาลทัพทัน(อุดมพิทยา) จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องการสร้างสื่อการสอนออนไลน์ด้วยกระบวนการ PLC
           -> 1. คณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชนภาคเหนือ 2. โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์
           -> โรงเรียนจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร ส่งเสริมสมรรถนะดิจิทัล
           -> สสวท
           -> ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 4 จังหวัดตรัง
           -> ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 4 จังหวัดตรัง
           -> โรงเรียนมีการจัดอบรมให้ครูในโรงเรียน
           -> จากบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถภายในสถานศึกษา
           -> บริษัท เอ็นเอสอาร์ เทคโนโลยี
           -> กศน.
           -> โรงเรียนจัดอบรมพัฒนาเอง
           -> ต้องได้รับการสนับสนุน
           -> หน่วยงานภายในสถานศึกษา
           -> การอบรมภายในโรงเรียนโดยครูที่มีความรู้ความสามารถ
           -> เรียนรู้ด้วยตนเอง
           -> บริษัทอักษร เอ็ดดูเคชั่น จำกัด (มหาชน) กระทรวงวัฒนธรรม Thai Mooc
           -> ถ่ายทอดความรู้ไปยังคณะครูในสถานศึกษาและต่างประเทศ
           -> โรงเรียนจัดอบรม
           -> สำนักพิมพ์อักษรเจริญทัศน์
           -> ผู้บริหารและเพื่อนครู
           -> ทางออนไลน์
           -> ครูในศูนย์คอมพิวเตอร์โรงเรียนเทพศิรินทร์ สมุทรปราการ
           -> สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
           -> ครูคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนเป็นวิทยากร
           -> การอบรมทาง Online
           -> สถาบันวิจัยการเรียนรู้
     (7) ครูมีการนำสมรรถนะด้านดิจิทัลไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนหรือไม่อย่างไร
           มี ระบุ
           ไม่มี (ข้ามไปตอบข้อ 2) คิดเป็นร้อยละ 2.86 (11/385)
     (8) ครูสามารถนำสมรรถนะด้านดิจิทัลไปขยายผลให้กับครูใน/นอกสถานศึกษาได้หรือไม่อย่างไร
           ได้ ระบุ
           ไม่ได้ คิดเป็นร้อยละ 3.90 (15/385)
  2) ปัญหาและอุปสรรค
     ด้านครูผู้สอน
           ครูขาดการพัฒนาสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัล คิดเป็นร้อยละ 34.26 (37/108)
           ครูขาดขวัญและกำลังใจ หรือแรงกระตุ้นพัฒนาสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัล คิดเป็นร้อยละ 22.22 (24/108)
           ครูมีภาระงานมาก คิดเป็นร้อยละ 47.22 (51/108)
           อื่น ๆ (ถ้ามี) ระบุ
     ด้านการบริหารจัดการ
           นโยบายขาดความต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 20.72 (23/111)
           ผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัลของครูและบุคลากรทางการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 7.21 (8/111)
           ขาดงบประมาณสนับสนุน คิดเป็นร้อยละ 59.46 (66/111)
           ขาดการนิเทศ ติดตาม คิดเป็นร้อยละ 17.12 (19/111)
           อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
           -> 1. สพฐ. ควรจัดให้มีการประชุมเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบของสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาและเจ้าหน้าที่ศูนย์ HCEC เพื่อทราบวัตถุประสงค์ รวมทั้งกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจนในการพัฒนาภาษาอังกฤษของครู และมีการติดตามผลเป็นระยะอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
           -> งบประมาณสนับสนุนไม่เพียงพอในการบริหารจัดการให้เกิดสภาพคล่องตัว
           -> ปัญหาการแพร่ระบาดของโรค Covid-19
           -> กำลังทรัพย์ไม่มี
           -> งบประมาณสำหรับการอบรมพัฒนาแบบ On Line
           -> การจัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์
     ด้านสื่อ วัสดุอุปกรณ์
           ขาดสื่อ วัสดุอุปกรณ์ ที่นำมาใช้ในการพัฒนาสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัล คิดเป็นร้อยละ 38.82 (66/170)
           เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว อุปกรณ์ไม่ทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 33.53 (57/170)
           ขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการพัฒนาสมรรถนะทางภาษาและดิจิทัล คิดเป็นร้อยละ 30.00 (51/170)
           อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
           -> สัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่เสถียร
           -> สื่อวัสดุ อุปกรณ์มีใช้จำกัด
           -> อุปกรณ์ที่มีความเหมาะสมกับผู้เรียน
           -> ระบบที่ใช้ในการพัฒนามีความซ้ำซ้อน เข้าใจยาก
  3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
  
  4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
  
  5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
      พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 8.05 (31/385)
      พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 16.36 (63/385)
      พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 6.23 (24/385)
      พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.52 (2/385)
      พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
1.4 หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (หลักเกณฑ์ PA)
  1) สภาพความก้าวหน้า
     (1) ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ ว.9 (PA) และวิธีการอยู่ในระดับใด
           มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 2.60 (10/385)
           มาก คิดเป็นร้อยละ 11.95 (46/385)
           ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 7.79 (30/385)
           น้อย คิดเป็นร้อยละ 1.30 (5/385)
           น้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 2.34 (9/385)
     (2) ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการชี้แจงหรือหาความรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ ว.9 (PA) จากแหล่งใด (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
           เว็ปไซต์ สำนักงาน ก.ค.ศ. คิดเป็นร้อยละ 20.33 (50/246)
           หน่วยงานต้นสังกัดชี้แจง คิดเป็นร้อยละ 22.36 (55/246)
                สพฐ. (สพป./สพม.) คิดเป็นร้อยละ 66.67 (46/69)
                สอศ. คิดเป็นร้อยละ 5.80 (4/69)
                กศน. คิดเป็นร้อยละ 15.94 (11/69)
                สช. คิดเป็นร้อยละ 11.59 (8/69)
           เพื่อนร่วมงาน คิดเป็นร้อยละ 17.48 (43/246)
           สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ คิดเป็นร้อยละ 16.67 (41/246)
           เว็ปไซต์ อาทิ ครูบ้านนอกดอทคอม, ครูไทย, ครูวันดีดอทคอม, สถานนีครูดอทคอม คิดเป็นร้อยละ 23.17 (57/246)
           อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
           -> โรงเรียนจัดอบรมเชิญวิทยากรจากหน่วยงานภายนอกมาให้ความรู้
           -> โรงเรียนจัดอบรมหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินและการจัดทำข้อตกลงใน การพัฒนางาน เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564
           -> สหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุทัยธานี
           -> การอบรมพัฒนาครูสู่ความก้าวหน้าเพื่อขอมี ขอเลื่อนวิทยฐาน ตามหลักเกณฑ์ ก.ค.ศ. (ว9/2564. (วPA )ว17/2552 และ ว21/2560) วันที่ 4 ตุลาคม 2564
           -> สำนักงาน กศน.จังหวัดจัดอบรม
           -> ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 4 จังหวัดตรัง จับอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิทฐานะแนวใหม่ ว.PA ให้ข้าราชการครูทุกคน
           -> ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 4 จังหวัดตรัง จัดอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิทยฐานะแนวใหม่ ว.PA ให้กับข้าราชการครูทุกคน
           -> โรงเรียนมีการจัดให้ความรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วPA
           -> โรงเรียนจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ PA
           -> ภาคีเครือข่าย
           -> ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกรายดำเนินการจัดทำตามตัวชี้วัดตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตาม ว.9 (PA)
           -> ผู้อำนวยการบรรยายชี้แจง
           -> สถานศึกษาเชิญวิทยากรภายนอกมาให้ความรู้
           -> โรงเรียนจัดอบรม
           -> เชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมาอบรมให้ความรู้แก่ครูผู้สอน
           -> โรงเรียนจัดอบรม ว.pa
           -> สังกัด สช.ไม่มีการประเมินวิทยะฐานะ
           -> สถานศึกษาจัดประชุมชี้แจงและให้ครูเข้าร่วมอบรมรับความรู้จากหน่วยงานต่างๆทั้งที่ต้องใช้งบประมาณและไม่ต้องใช้งบประมาณ
           -> www.Pantip.com
           -> ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ PA และได้รับการชี้แจงหรือหาความรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ PA โดยการเข้าร่วมอบรมพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาและข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เรื่อง วิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รูปแบบการจัดทำข้อตกลงในการปฏิบัติงาน (Performance Agreement : PA) จากสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ
     (3) ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีข้อคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับข้อตกลงในการพัฒนางานตามหลักเกณฑ์ ว.9 (PA)..... (ข้อความ)
     
  2) ปัญหาและอุปสรรค
      ด้านการประเมินผลการปฏิบัติงาน ระบุ
      ด้านการประเมินวิทยฐานะ ระบุ
      ด้านการเปลี่ยนหลักเกณฑ์การประเมินบ่อย ทำให้มีความยุ่งยากในการเตรียมเอกสารหลักฐานรองรับการประเมิน ระบุ
      อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
      -> ครูขาดความรู้ความเข้าใจเรื่อง PA
      -> ครูยังสับสนการเขียนประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์ การเรียนรู้ของนักเรียน
      -> ครูบางส่วนยังขาดความชัดเจนในหลักเกณฑ์และวิธีการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะตามเกณฑ์ ก ค ศ ว PA
      -> ข้าราชการครู ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครู ว.9 (PA)
      -> สังกัด สช.ไม่มีการประเมินวิทยะฐานะ
      -> อื่นๆ โรงเรียนไม่ได้ใช้หลักเกณฑ์นี้พิจารณา
  3) หน่วยงาน/สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
  4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับ หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (หลักเกณฑ์ PA) ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
  
  5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ว.9 (PA) อยู่ในระดับใด
      พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 2.86 (11/385)
      พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 11.69 (45/385)
      พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 8.05 (31/385)
      พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
      พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
1.5 การขับเคลื่อนศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) และศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (Center of Vocational Manpower Networking Management : CVM)
  1) สภาพความก้าวหน้า
     (1) สภาพความก้าวหน้า ความสำเร็จของการดำเนินงานตามนโยบาย (มีเกณฑ์ตัวชี้วัดการประเมิน หรือตัวเลือกประเด็นหรือกิจกรรมที่ปฏิบัติในนโยบายนี้ เพื่อประกอบความก้าวหน้าความสำเร็จ)
          กลุ่มทั่วไป (Standard) สาขาวิชา
          
          กลุ่มเชี่ยวชาญเฉพาะ (Expert) สาขาวิชา
          
          กลุ่มความเป็นเลิศ) (Excellent Center) สาขาวิชา
          
          กลุ่มศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (Center of Vocational Manpower Networking Management : CVM) สาขาวิชา
          
     (2) สถานศึกษามีผลการประเมินคุณภาพตามแนวทางการขับเคลื่อนศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) และศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (Center of Vocational Manpower Networking Management : CVM) อยู่ในระดับใด
           ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 1.04 (4/385)
           ดี คิดเป็นร้อยละ 1.82 (7/385)
           ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 1.04 (4/385)
           พอใช้ คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
     (3) เป้าหมายการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
           สถานศึกษามีนวัตกรรมการบริหารจัดการสอดคล้องกับสภาพบริบท และตอบสนองความต้องการของชุมชน สังคม และยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ คิดเป็นร้อยละ 21.31 (13/61)
           มีครุภัณฑ์และอุปกรณ์ สื่อ เทคโนโลยีดิจิทัล ทรัพยากร สิ่งสนับสนุนการศึกษา ที่เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอน คิดเป็นร้อยละ 9.84 (6/61)
           สถานศึกษามีภาคีเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรทางวิชาชีพ สถานประกอบการ สถาบันการศึกษาอาชีวศึกษา/อุดมศึกษาทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ ในการพัฒนาทักษะทางวิชาการ ทักษะอาชีพ และการฝึกประสบการณ์ทักษะวิชาชีพของครู และผู้เรียน คิดเป็นร้อยละ 13.11 (8/61)
           หลักสูตรมีความสอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ เชื่อมโยงสมรรถนะอาชีพในการท างานสู่ระบบคุณวุฒิทางการศึกษา หรือมาตรฐานอาชีพตามที่หน่วยงานซึ่งมีหน้าที่ให้การรับรองมาตรฐานกำหนดไว้ ในสาขาวิชาที่มีความเป็นเลิศ คิดเป็นร้อยละ 8.20 (5/61)
           ครูมีสมรรถนะทางวิชาชีพที่ทันสมัย สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่สถานประกอบการใช้ในปัจจุบัน ตลอดจนมีทักษะการจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้ คิดเป็นร้อยละ 13.11 (8/61)
           ผู้เรียนมีสมรรถนะทางวิชาชีพในสาขาวิชาที่มีความเป็นเลิศ ตรงกับความต้องการของสถานประกอบการ คิดเป็นร้อยละ 6.56 (4/61)
           สถานศึกษาเป็นศูนย์พัฒนาอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ การประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพในสาขาอาชีพที่สอดคล้องกับสาขาวิชา ที่มีความเป็นเลิศ ให้กับผู้เรียน ผู้สำเร็จการศึกษา ผู้ประกอบอาชีพ หรือ ประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างโอกาสการเข้าสู่โลกอาชีพและการมีงานทำ คิดเป็นร้อยละ 9.84 (6/61)
           สถานศึกษามีระบบประกันคุณภาพที่เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษา เหมาะสมกับหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน สื่อเทคโนโลยี ทรัพยากรการเรียนรู้ และการประเมินการเรียนการสอน โดยมีการกำกับ ติดตาม และประเมินผลเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 18.03 (11/61)
  2) ปัญหาและอุปสรรค
      มาตรฐานอาชีพหรือมาตรฐานฝีมือแรงงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ครอบคลุมสาขาวิชา คิดเป็นร้อยละ 9.09 (2/22)
      นโยบายขาดความต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 18.18 (4/22)
      ครูผู้สอนมีวุฒิการศึกษาวิชาชีพ ไม่ตรงตามสาขาวิชาที่สอน คิดเป็นร้อยละ 22.73 (5/22)
      ขาดห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ ครุภัณฑ์/อุปกรณ์ สื่อ ในการจัดการเรียนการสอนที่ทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 31.82 (7/22)
      ผู้เรียนมีสมรรถนะไม่ตรงตามหลักสูตรกำหนด กับความต้องการของสถานประกอบการ คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/22)
      สถานศึกษาขาดการเตรียมความพร้อมตามแนวทางการจัดการสถานศึกษา ภายใต้ศูนย์ คิดเป็นร้อยละ 9.09 (2/22)
      ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) และศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (Center of Vocational Manpower Networking Management : CVM) ในการประเมินสมรรถนะผู้เรียนและการรับรองที่เอื้อต่อการพัฒนารายบุคคล คิดเป็นร้อยละ 9.09 (2/22)
      อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
      -> ครูผู้สอนในสาขาวิชาพืชศาสตร์มีจำนวนน้อยลงเนื่องจากเกษียณอายุราชการไปหลายท่าน
      -> เป็นโรงเรียนระดับ อนุบาล-ประถมศึกษา
  3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
  
  4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
  
  5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
      พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 1.56 (6/385)
      พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 2.86 (11/385)
      พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 2.08 (8/385)
      พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
      พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
1.6 ความปลอดภัยของผู้เรียน โดยการสร้างสถานศึกษาปลอดภัย และบริหารจัดการเชิงบูรณาการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
  1) สภาพความก้าวหน้า
     1) ครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้รับการส่งเสริม สนับสนุน ให้มีความรู้ ความเข้าใจในการสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงและภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ทุกรูปแบบ
           ครบทุกประเภทภัยคุกคาม คิดเป็นร้อยละ 20.52 (79/385)
           บางประเภทภัยคุกคาม คิดเป็นร้อยละ 12.99 (50/385)
                ภัยยาเสพติด คิดเป็นร้อยละ 17.35 (55/317)
                ภัยความรุนแรง คิดเป็นร้อยละ 10.73 (34/317)
                ภัยพิบัติต่างๆ คิดเป็นร้อยละ 11.36 (36/317)
                อุบัติเหตุ คิดเป็นร้อยละ 15.77 (50/317)
                โรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ (เช่น CVID-19 เป็นต้น) คิดเป็นร้อยละ 20.19 (64/317)
                ฝุ่น PM 2.5 คิดเป็นร้อยละ 9.46 (30/317)
                การค้ามนุษย์ คิดเป็นร้อยละ 4.10 (13/317)
                การคุกคามในชีวิตและทรัพย์สิน คิดเป็นร้อยละ 6.62 (21/317)
                อาชญากรรมไซเบอร์ คิดเป็นร้อยละ 5.99 (19/317)
           ไม่มี คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
     2) การบริหารจัดการเชิงบูรณาการในสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สถานศึกษาได้ดำเนินงานหรือได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานใดบ้าง (เลือกได้มากกว่า 1 ข้อ)
           กระทรวงศึกษาธิการ คิดเป็นร้อยละ 32.69 (119/364)
           กระทรวงสาธารณสุข คิดเป็นร้อยละ 36.26 (132/364)
           กรมการปกครอง คิดเป็นร้อยละ 18.41 (67/364)
           ภาคเอกชน คิดเป็นร้อยละ 14.01 (51/364)
           อื่นๆ (ระบุ)
           -> มูลนิธิกุศลศรัทธาเกาะเต่า
           -> การจัดอบรมให้ความรู้ การสอดแทรกในการเรียน การสอน การจัดนิทรรศการให้ความรู้ การเผยแพร่ในกลุ่มไลน์ เว็บไซด์ เฟสบุ๊คของห้องสมุดประชาชน
           -> หน่วยงานทางทหาร
           -> โรงพยาบาลเครือข่าย เช่นโรงพยาบาลเปาโล ศิครินทร์ สินแพทย์ สมาคมผู้ปกครองและครูตลอดจนสมาคมศิษย์เก่า
           -> นักการเมืองท้องถิ่น
           -> สำนักงานเทศบาลเมืองคลองแห
           -> ไม่ได้รับการช่วยเหลือ
           -> กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จังหวัดลำปาง
     3) สถานศึกษามีการบริหารจัดการเชิงบูรณาการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างไรบ้าง
           มี
           ไม่มี คิดเป็นร้อยละ 0.52 (2/385)
     4) สถานศึกษามีแผนการดำเนินงาน/แผนเผชิญเหตุ/แนวทาง/คู่มือเพื่อความปลอดภัยของผู้เรียนในสถานศึกษา
           มี
           ไม่มี คิดเป็นร้อยละ 0.52 (2/385)
     5) ผู้เรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมที่สถานศึกษาจัดเพื่อส่งเสริม สนับสนุนในการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงและภัยคุกคามรูปแบบใหม่ทุกรูปแบบ
           ครบทุกประเภทภัยคุกคาม คิดเป็นร้อยละ 16.10 (62/385)
           บางประเภทภัยคุกคาม คิดเป็นร้อยละ 13.51 (52/385)
                ภัยยาเสพติด คิดเป็นร้อยละ 19.75 (62/314)
                ภัยความรุนแรง คิดเป็นร้อยละ 9.87 (31/314)
                ภัยพิบัติต่างๆ คิดเป็นร้อยละ 9.24 (29/314)
                อุบัติเหตุ คิดเป็นร้อยละ 18.79 (59/314)
                โรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ (เช่น CVID-19 เป็นต้น) คิดเป็นร้อยละ 22.29 (70/314)
                ฝุ่น PM 2.5 คิดเป็นร้อยละ 7.01 (22/314)
                การค้ามนุษย์ คิดเป็นร้อยละ 2.55 (8/314)
                การคุกคามในชีวิตและทรัพย์สิน คิดเป็นร้อยละ 6.37 (20/314)
                อาชญากรรมไซเบอร์ คิดเป็นร้อยละ 6.69 (21/314)
           ไม่มี คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
  2) ปัญหาและอุปสรรค
      ผู้บริหารขาดความตระหนักในการสร้างความรู้ความเข้าใจกับการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ให้กับผู้เรียน คิดเป็นร้อยละ 20.00 (4/20)
      ครูขาดขวัญกำลังใจ การคุ้มครองดูแลช่วยเหลือในการปฏิบัติงานภายในสถานศึกษา คิดเป็นร้อยละ 80.00 (16/20)
      อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
      -> จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์แผนเผชิญเหตุฯ สู่การปฏิบัติ เพื่อสร้างความเข้าใจใน บทบาทหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้อง
      -> ขาดการแก้ไขปัญหาและระมัดระวังในการเกิดภัยคุกคามเบื้องต้นของผู้เรียน
      -> สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
      -> โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๖ จังหวัดภูเก็ต จัดการศึกษาให้กับนักเรียนทั้งในลักษณะ ไป - กลับ และอยู่ประจำ และจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษา (อนุบาล) ประถมศึกษา (ป.1-6) และมัธยมศึกษา (ม.1-6) ทำให้มีอุปสรรคในการดูแลนักเรียนค่อยข้างมาก
      -> สถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จัดกิจกรรมกลุ่มใหญ่ไม่ได้
      -> ในบางอุบัติเหตุ ครูและบุคลากรไม่ได้ผ่านการอบรมจากวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถในเรื่องนั้นๆ
      -> สถานศึกษา มีการจัดอบรมให้ความรู้ตามเงื่อนไขในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 และเผยแพร่ให้ความรู้ทางช่องทางอื่น เช่น กลุ่มไลน์ เฟสบุ๊ค เว็บไซด์
      -> การเกิดภัยจากธรรมชาติ เช่น น้ำทะเลหนุนสูง ที่ท่วมถึงบริเวณโรงเรียน ภัยจากยาเสพติดที่สังคมโดยรอบโรงเรียนและครอบครัวที่นักเรียนบางคนมีความใกล้ชิดกับยาเสพติด
      -> นักเรียนมีความรู้ในเรื่องภัยคุกคามต่างๆ แต่ยังขาดความตระหนัก
      -> ขาดการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่าง โรงเรียน ผู้แกครอง ชุมชนอย่างต่อเนื่อง
      -> ครูไม่พอ
      -> ขาดงบประมาณสนับสนุน
      -> 1. ด้านนักศึกษาขาดความเข้าใจและไม่ตระหนักต่อการใช้มาตรการป้องกันโรคโควิด2019 2. นักเรียนไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด 3. ผู้ปกครองขาดความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคโควิด 2019
      -> ปัญหานักเรียนการสูบบุหรี่ ที่เกิดจากการอยากรู้อยากลอง และการชักชวนจากเพื่อน
      -> 1)ครูผู้สอนต้องมีการเฝ้าระวังตนเองอย่างสูงสุด กรณี สอนรูปแบบ Onsite และ On hand (นักเรียนมารับใบงาน/ใบความรู้/อื่นใดที่โรงเรียน) ซึ่งครูผู้สอนที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กันนักเรียน และผู้ปกครองโดยตรง 2)การพัฒนาตนเองของครูผู้สอนที่ต้องสอนแบบ New Normal ที่ต้องมีการอบรมผ่านออนไลน์ อาจจะไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร และนำมาปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมอาจยังไม่ส่งผลต่อตัวนักเรียนโดยตรง
      -> ไม่มีปัญหา
      -> 2.1 นักเรียนของศูนย์ ฯ ไม่สามารถสวมหน้ากากอนามัย เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า – 2019 2.2 ขาดการสนับสนุนจากงบประมาณหน่วยงานภายนอก ในการขอรับการสนับสนุนชุดตรวจ Antigen test kits และวัสดุอุปกรณ์ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า – 2019 ที่เพียงพอ
      -> รัฐบาลหรือกระทรวงควรจัดสรรงบประมาณสนับสนุนและ อุปกรณ์ต่างๆให้เท่าเทียมกับโรงเรียนในสังกัดของรัฐ
      -> ขาดกำลังใจ
      -> คุณครูต้องทำงานหนักและมีภาระงานมากขึ้น ต้องรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและดิจิทัล ควบคู่กับการจัดการเรียนการสอนแบบวิถีใหม่
      -> บุคลากรมีไม่เพียงพอ
      -> ระยะเวลาในการฝึกอบรมตามประเด็นต่างๆ
      -> โรงเรียนไม่สามารถเปิดเรียนได้ตามปกติ
      -> ข้อจำกัดในการดำเนินการทำกิจกรรมที่สถานที่ศึกษา
      -> ในกรณีการเกิดโรคระบาด เด็กที่ติดเชื้อหรือมีคนในครอบครัวติดเชื้อเด็กที่เจ็บป่วยด้วยอาการคล้ายกับการ เป็นโรคโควิด-19 หรือ เด็กที่ผู้ปกครองมีอาชีพที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ วิทยาลัยฯจะให้ความรู้ เกี่ยวกับโรคโควิด-19 ว่าสามารถติดต่อกันได้ทางใดบ้างและพฤติกรรม ใดไม่เสี่ยงต่อการติดต่อจะสามารถช่วยลดความ
      -> ขาดหน่วยงานทางภาครัฐเข้ามาสนับสนุนงบประมาณ
      -> ไม่สามารถดำเนินการตามแผนปฎิบัติการได้เนื่องจากสถานการการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
      -> ขาดงบประมาณในการซื้อ ATK
      -> นักเรียนศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดอุทัยธานี เป็นนักเรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ ในการเข้าร่วมโครงการ/กิจกรรม ในแต่ละครั้ง จึงมีความยากลำบากในการเคลื่อนย้าย เช่น กิจกรรมอพยพหนีไฟที่ต้องมีการปฏิบัติในสถานการณ์จำลอง การเคลื่อนย้ายพลไปยังจุดรวมพล เป็นต้น
      -> สิ่งที่ต้องทำมีมากเกินไป
      -> สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลกระทบต่อการรวมกลุ่มจัดกิจกรรมสร้างความรู้ความเข้าใจกับการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ให้กับผู้เรียน
  3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
  
  4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้เรียน โดยการสร้างสถานศึกษาปลอดภัยของสถานศึกษาท่าน ที่คิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
  
  5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
      พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 13.25 (51/385)
      พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 17.66 (68/385)
      พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 4.94 (19/385)
      พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
      พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
2. ด้านการสร้างโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมกันทางสังคม
2.1 การค้นหาเด็กวัยเรียนหลุดจากระบบการศึกษา และติดตามให้ความช่วยเหลือเข้าสู่ระบบการศึกษา
  1) สภาพความก้าวหน้า
      สถานศึกษามีการค้นพบเด็กวัยเรียนที่หลุดจากระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน..............คน (ตัวเลข)
      การติดตามให้ความช่วยเหลือเข้าสู่ระบบการศึกษา สำหรับเด็กที่อยู่ในการศึกษาภาคบังคับ จำนวน ................คน (ตัวเลข)
          กศน. จำนวน................คน (ตัวเลข)
          อาชีวศึกษา จำนวน ...........คน (ตัวเลข)
      การติดตามให้ความช่วยเหลือผู้เรียนเข้าสู่ระบบการศึกษา สำหรับเด็กที่อายุเกิน 15 ปี จำนวน.............คน (ตัวเลข)
          กศน. จำนวน................คน (ตัวเลข)
          อาชีวศึกษา จำนวน ...........คน (ตัวเลข)
          เข้าทำงานสถานประกอบการ จำนวน...............คน (ตัวเลข)
          ประกอบอาชีพอื่นๆ จำนวน ................คน (ตัวเลข)
           -> 10
           -> 0
           -> 6
           -> 2
           -> 0
           -> 0
           -> 0
           -> 0
           -> 0
           -> 0
           -> 16
           -> 2
           -> 0
           -> 0
           -> 0
           -> 3
      อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
      -> 1. นักเรียนขอลาออก เพื่อศึกษาต่อโรงเรียนเตรียมทหาร จํานวน 6 คน 2. นักเรียนขอพักการเรียน ป่วย จํานวน 1 คน 3. นักเรียนพักการเรียน เพื่อไปศึกษาแลกเปลี่ยน ณ ต่างประเทศ จํานวน 6 คน 4. นักเรียนขอย้ายสถานศึกษา เพื่อศึกษาต่อสถานศึกษาอื่น จํานวน 5 คน 5. นักเรียนลาออก เพื่อศึกษาต่อต่างประเทศ จํานวน 3 คน รวม 21 คน ข้อมูล ณ วันที่ 1 พ.ย.2564
      -> ด้านสุขภาพ
      -> ไม่มีเด็กหลุจากระบบการศึกษาในเขตบริการของโรงเรียน
      -> มีระบบการตรวจสอบเด็กตกกล่น
      -> ศึกษาต่อสถาบันต่างประเทศ ศึกษาต่อสถาบันอื่น เช่วน เตรียมทหาร หรือ รร.บริรักษ์ จำนวน 5 คน
      -> เด็กที่อยู่การศึกษาภาคบังคับ จำนวน 3 คนนั้น ติดตามพบว่าเข้าสู่ระบบการศึกษาภาคบังคับได้ตามปกติ
      -> 0
      -> 0
      -> 0
      -> 4
      -> เสียชีวิต 1
      -> นักเรียนได้รับการศึกษาต่อในภาคเอกชน
      -> ไม่ได้ดำเนินการ
      -> ย้ายที่อยู่ 13 คน
      -> ไม่พบตัว 6 คน เสียชีวิต 1 คน
      -> โรงเรียนไม่มีเด็กวัยเรียนหลุดจากระบบการศึกษา
  2) ปัญหาและอุปสรรค
      ด้านเศรษฐกิจ รายได้ของครอบครัว คิดเป็นร้อยละ 25.00 (50/200)
      การย้ายถิ่นฐานตามผู้ปกครอง คิดเป็นร้อยละ 23.50 (47/200)
      ความไม่พร้อมของผู้เรียน ด้านสติปัญญา ร่างกาย ฯลฯ คิดเป็นร้อยละ 14.50 (29/200)
      ปัญหาของครอบครัว (หย่าร้าง /แยกกันอยู่) คิดเป็นร้อยละ 20.50 (41/200)
      การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) คิดเป็นร้อยละ 19.50 (39/200)
      อื่นๆ (ถ้ามี)
      -> ปัญหามารดาเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อโควิด-19
      -> ข้อมูลที่ให้สถานศึกษาเด็กพิการตกหล่นมีความซ้ำซ้อนกับข้อมูลของสถานศึกษา และจากการสำรวจพบว่าเด็กอยู่ในระบบการศึกษาแล้ว
      -> 1.หมดสภาพ 2.รักษาสภาพ 3.ย้ายที่อยู่อาศัย 4.ลาออก 5.ไม่พบตัวตน
      -> ผู้ปกครองให้นักเรียนเรียนศาสนาที่เป็นโรงเรียนที่ไม่อยู่ในระบบการศึกษา
  3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
  
  4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
  
  5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
      พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 7.79 (30/385)
      พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 11.43 (44/385)
      พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 4.94 (19/385)
      พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
      พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
2.2 การดูแลเด็กปฐมวัย ด้วยการส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กปฐมวัยทุกคนได้พัฒนาการสมวัย ได้รับโอกาสทางการศึกษาทั้งในและนอกระบบการศึกษา
  1) สภาพความก้าวหน้า
     (1) ผู้เรียนในระดับปฐมวัย (อนุบาล 3) ปีการศึกษา 2564 ทั้งหมด
          จำนวน.............คน (ตัวเลข) จำแนกเป็น
          ผู้เรียนปกติ จำนวน..........คน (ตัวเลข)
          ผู้เรียนที่มีความบกพร่อง จำนวน.............คน (ตัวเลข)
     (2) ผู้เรียนปกติ มีผลการประเมินพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์จิตใจ สังคม และสติปัญญา ผ่านเกณฑ์การประเมินพัฒนาการคุณภาพระดับ 3 ทั้ง 4 ด้าน
          จำนวน..............คน (ตัวเลข)
          คิดเป็นร้อยละ........... (เทียบจากผู้เรียนปกติ) (ตัวเลข)
  2) ปัญหาและอุปสรรค
      ขาดแคลนครูวิชาเอกปฐมวัย คิดเป็นร้อยละ 47.17 (25/53)
      ครูผู้สอนระดับปฐมวัยสอนไม่ตรงวิชาเอก คิดเป็นร้อยละ 37.74 (20/53)
      ครูไม่ครบชั้น (ครู 1 คน สอน 2 ระดับชั้น) คิดเป็นร้อยละ 22.64 (12/53)
      อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
      -> - อุปกรณ์ในการเรียนไม่เพียงพอ
      -> รร.มีครูปฐมวัยตรงวิชาเอก 1 คน อีก 1 คนไม่ตรงวิชาเอก
      -> นักเรียนบางคนไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ เพราะพ่อแม่หย่าร้างกัน หรืออาจจะไปมีครอบครัวใหม่
      -> ครูสอบติด ย้ายที่ทำงานกลางคัน
      -> ติดต่อไม่ได้ 1 คน
      -> หน่วยบริการอำเภอไม่ทั่วถึงสำหรับนักเรียนพิการที่มีสามารถมารับบริการที่ศูนย์ได้
      -> ขาดห้องเรียนปฐมวัย
      -> มีครู 1 คนที่จบเอกปฐมวัยและจะเกษียณในเดือนกันยายน 2565
      -> พัฒนาการของเด็กแต่ละคนไม่เท่ากัน
      -> 1) เด็กอยู่กับญาติ ครอบครัวแตกแยก พ่อแม่แยกทางกัน 2) ระยะทางห่างไกลโรงเรียน
  3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
  
  4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการค้นหาเด็กวัยเรียนหลุดจากระบบการศึกษา และติดตามให้ความช่วยเหลือเข้าสู่ระบบการศึกษาของสถานศึกษาท่าน ที่คิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
  
  5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
      พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 4.94 (19/385)
      พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 9.09 (35/385)
      พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 3.90 (15/385)
      พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
      พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
2.3 การสร้างโอกาสและการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับคนพิการ และผู้ด้อยโอกาสและผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษทั้งในและนอกระบบการศึกษา
  1) สภาพความก้าวหน้า
      ผู้เรียนที่เป็นผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาสและผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษทั้งในและนอกระบบการศึกษา เข้าถึงบริการการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 34.67 (52/150)
      ผู้เรียนที่เป็นผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาสและผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษทั้งในและนอกระบบการศึกษา ได้รับการพัฒนาสมรรถภาพหรือบริการทางการศึกษาที่เหมาะสมตามความจำเป็น โปรดระบุรายละเอียด      
      สถานศึกษามีการจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Program : IEP) สำหรับเด็กพิการเรียนรวม (9 ประเภท) และผ่านเกณฑ์การประเมินระบบการจัดการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 28.67 (43/150)
      สถานศึกษามีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนและบริหารจัดการสถานศึกษาที่มีประสิทธิภาพ สามารถลดจำนวนเด็กด้อยโอกาส โดยให้เด็กทุกคนสามารถเข้าถึงและส่งเสริมเด็กด้อยโอกาสให้ได้รับการศึกษาเต็มตามศักยภาพ คิดเป็นร้อยละ 38.00 (57/150)
  2) ปัญหาและอุปสรรค
      สถานศึกษา/ผู้รับผิดชอบงานการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการและผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ ขาดความเชี่ยวชาญ ความชำนาญเฉพาะด้าน คิดเป็นร้อยละ 24.80 (31/125)
      ผู้ปกครองบางส่วนขาดความรู้ ความเข้าใจและมีเจตคติที่ไม่ดีต่อความบกพร่องของเด็กและการส่งเด็กเข้ารับการพัฒนาในสถานศึกษา คิดเป็นร้อยละ 37.60 (47/125)
      การพัฒนาและส่งเสริมผู้เรียน เป็นไปได้ยาก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื่อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คิดเป็นร้อยละ 40.80 (51/125)
      อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
      -> ปัญหาหลักในการดำเนินโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนผู้ด้อยโอกาสบ้านลาซาล คือ ผู้เรียนอยู่ในพื้นที่ห่างไกล อยู่ในจังหวัดตะเข็บชายแดนหรือชนเผ่าที่เป็นชนกลุ่มน้อย ทำให้เกิดความยากลำบากในการเดินทางออกมาจากพื้นที่ และมีความขัดสนในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส่งผลให้ในบางครั้งผู้ปกครองไม่อยากส่งลูกมาเรียน
      -> ในการจัดการเรียนการสอน นักเรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษจะมีสมาธิในการเรียนที่น้อยกว่านักเรียนปกติ
      -> โรงเรียนบ้านเกาะเต่าขาดครูผู้รับผิดชอบงานการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการและผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ ขาดความเชี่ยวชาญ ความชำนาญเฉพาะด้าน
      -> การขาดงบประมาณสนับสนุน ทำให้การพัฒนาศักยภาพการศึกษาให้กับผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษขาดความต่อเนื่องและคล่องตัว
      -> บุคลากรไม่เพียงพอ ต่อสัดส่วนจำนวนนักเรียนที่มีความพิการ
      -> สถานศึกษาไม่มีผู้เรียนที่พิการ
      -> ไม่มีนักเรียนพิการ
  3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
  
  4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการสร้างโอกาสและการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับคนพิการและผู้ด้อยโอกาสและผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษทั้งในและนอกระบบการศึกษาของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
  
  5) ท่านมีความพึงพอใจอยู่ในระดับใดของการดำเนินงานเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนปฐมวัย
      พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 5.19 (20/385)
      พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 11.17 (43/385)
      พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 5.45 (21/385)
      พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
      พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
3. ด้านความร่วมมือ
3.1 การจัดการศึกษาแบบทวิภาคีสู่คุณภาพมาตรฐาน ผ่านศูนย์อาชีวศึกษาทวิภาคีเขตพื้นที่
  1) สภาพความก้าวหน้า
     ตามแนวทางปฏิบัติจัดการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
          ความร่วมมือกับสถานประกอบการ
                ไม่มีความร่วมมือ คิดเป็นร้อยละ 3.64 (14/385)
                มีความร่วมมือ คิดเป็นร้อยละ 5.71 (22/385)
                     ในพื้นที่บริการ คิดเป็นร้อยละ 4.94 (19/385)
                     นอกพื้นที่บริการ/นอกจังหวัด คิดเป็นร้อยละ 1.30 (5/385)
                     ต่างประเทศ คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
          ความร่วมมือกับสถานประกอบการในการจัดการศึกษาระบบทวิภาคี
                ไม่มีความร่วมมือ คิดเป็นร้อยละ 3.38 (13/385)
                มีความร่วมมือกับสถานประกอบการอย่างเข้มข้น คิดเป็นร้อยละ 5.71 (22/385)
                     การพัฒนาหลักสูตร คิดเป็นร้อยละ 27.78 (10/36)
                     การพัฒนาครู คิดเป็นร้อยละ 13.89 (5/36)
                     การพัฒนานักเรียนนักศึกษา คิดเป็นร้อยละ 44.44 (16/36)
                     การสนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 13.89 (5/36)
     (1) ด้านคุณภาพหลักสูตร
          (1.1) ด้านการพัฒนาหลักสูตรรายวิชา ระดับคุณภาพในการพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะรายวิชาที่สอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการ อยู่ในระดับใด
                ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 2.08 (8/385)
                ดี คิดเป็นร้อยละ 3.90 (15/385)
                ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0.52 (2/385)
                ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
          (1.2) ด้านการบริหารจัดการหลักสูตร ระดับคุณภาพในการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง อยู่ในระดับใด
                ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 1.56 (6/385)
                ดี คิดเป็นร้อยละ 4.42 (17/385)
                ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0.52 (2/385)
                ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
          (1.3) ด้านทรัพยากรการจัดอาชีวศึกษา ระดับคุณภาพในการบริหารจัดการวัสดุ อุปกรณ์ ครุภัณฑ์ และพื้นที่ อยู่ในระดับใด
                ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 1.56 (6/385)
                ดี คิดเป็นร้อยละ 3.12 (12/385)
                ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 1.04 (4/385)
                ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
          (1.4) ด้านคุณภาพผู้สำเร็จการศึกษา ผ่านเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานวิชาชีพของสถานศึกษาและหน่วยงานภายนอก อยู่ในระดับใด
                ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 1.82 (7/385)
                ดี คิดเป็นร้อยละ 3.38 (13/385)
                ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0.52 (2/385)
                ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
          (1.5) ด้านคุณภาพผู้สำเร็จการศึกษา ระบบทวิภาคีที่ได้งานทำหรือประกอบอาชีพอิสระ อยู่ในระดับใด
                ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 2.34 (9/385)
                ดี คิดเป็นร้อยละ 2.60 (10/385)
                ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 1.04 (4/385)
                ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
     (2) ด้านคุณภาพผู้สำเร็จการศึกษา
          (2.1) ด้านทักษะและความสามารถในการปฏิบัติงาน ผู้เรียนชั้นปีสุดท้ายที่มีคุณลักษณะตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพ (VQ) อยู่ในระดับใด
                ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 1.30 (5/385)
                ดี คิดเป็นร้อยละ 3.64 (14/385)
                ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 1.04 (4/385)
                ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
          (2.2) ด้านทักษะและความสามารถในการปฏิบัติงาน ผู้เรียนผ่านการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง อยู่ในระดับใด
                ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 2.34 (9/385)
                ดี คิดเป็นร้อยละ 2.86 (11/385)
                ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0.78 (3/385)
                ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
          (2.3) ด้านความพึงพอใจของสถานประกอบการที่มีต่อคุณภาพของผู้สำเร็จการศึกษา อยู่ในระดับใด
                ดีมาก คิดเป็นร้อยละ 1.56 (6/385)
                ดี คิดเป็นร้อยละ 3.64 (14/385)
                ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 0.78 (3/385)
                ปรับปรุง คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
  2) ปัญหาและอุปสรรค
     ด้านครูผู้สอน
           ครูไม่เข้าใจการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี คิดเป็นร้อยละ 33.33 (3/9)
           ครูขาดขวัญและกำลังใจ การจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี คิดเป็นร้อยละ 66.67 (6/9)
           อื่น ๆ (ถ้ามี) ........................................ (ข้อความ)
     ด้านการบริหารจัดการ
           สถานศึกษามีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารบ่อย ทำให้ขาดความต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 21.05 (4/19)
           ผู้เรียน และผู้ปกครองไม่เข้าใจการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี คิดเป็นร้อยละ 21.05 (4/19)
           สถานประกอบการมีข้อจำกัดในการรับผู้เรียนเข้ารับการฝึกวิชาชีพ คิดเป็นร้อยละ 57.89 (11/19)
           อื่นๆ (ถ้ามี)............................................... (ข้อความ)
           -> สถานศึกษามีเฉพาะระดับอนุบาล
     ด้านผู้เรียน
           ผู้เรียนขาดทักษะ Sft Skill คิดเป็นร้อยละ 8.33 (2/24)
           ผู้เรียนไม่ปรับตัวเข้ากับสถานประกอบการ คิดเป็นร้อยละ 25.00 (6/24)
           ผู้เรียนเลือกฝึกวิชาชีพใกล้บ้าน ซึ่งไม่ตรงกับสาขาวิชาที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด คิดเป็นร้อยละ 29.17 (7/24)
           ค่าใช้จ่ายในการฝึกวิชาชีพ คิดเป็นร้อยละ 37.50 (9/24)
           อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
      อื่นๆ ระบุ
      -> สถานศึกษษมีเฉพาะระดับอนุบาล
      -> สถานการณ์โรคระบาดไวรัส 2019 ทำให้บางระยะไม่สามรถส่งผู้เรียนเข้าฝึกอาชีพในสถานประกอบการได้
  3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
  
  4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีสู่คุณภาพมาตรฐาน ผ่านศูนย์อาชีวศึกษาทวิภาคีเขตพื้นที่ของสถานศึกษาท่าน ที่คิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
  
  5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
      พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.78 (3/385)
      พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 3.38 (13/385)
      พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 1.56 (6/385)
      พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
      พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
3.2 การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทุกช่วงวัย โดยการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย และสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อการพัฒนาทักษะอาชีพ โดยการเพิ่มพูนทักษะ (Re-skill) พัฒนาทักษะ (Up skill) และการเรียนรู้ทักษะใหม่ (New skills)
  1) สภาพความก้าวหน้า
     ด้านหลักสูตร
           หลักสูตรเพื่อการพัฒนาอาชีพ Re-skill/Up-Skill/New skills คิดเป็นร้อยละ 36.23 (25/69)
               จำนวน.................หลักสูตร (ตัวเลข)
               จำนวนผู้เข้ารับการพัฒนา .....................คน (ตัวเลข)
           หลักสูตรกลุ่มอาชีพเกษตรกรรม คิดเป็นร้อยละ 18.84 (13/69)
               จำนวน.................หลักสูตร (ตัวเลข)
               จำนวนผู้เข้ารับการพัฒนา .....................คน (ตัวเลข)
           หลักสูตรกลุ่มอาชีพความคิดสร้างสรรค์ คิดเป็นร้อยละ 17.39 (12/69)
               จำนวน.................หลักสูตร (ตัวเลข)
               จำนวนผู้เข้ารับการพัฒนา .....................คน (ตัวเลข)
           หลักสูตรกลุ่มอาชีพอุตสาหกรรม คิดเป็นร้อยละ 13.04 (9/69)
               จำนวน.................หลักสูตร (ตัวเลข)
               จำนวนผู้เข้ารับการพัฒนา .....................คน (ตัวเลข)
           หลักสูตรกลุ่มอาชีพเฉพาะทาง คิดเป็นร้อยละ 14.49 (10/69)
               จำนวน.................หลักสูตร (ตัวเลข)
               จำนวนผู้เข้ารับการพัฒนา .....................คน (ตัวเลข)
           อื่นๆ ระบุ
           -> ห้องเรียนอาชีพ,ห้องเรียนพัมธมิตร
           -> ชุมนุมชีวิตเป็นสุข สนุกกับเศรษฐกิจพอเพียง
           -> หลักสูตรสถานศึกษาบูรณาการในกลุ่มสาระ
           -> หลักสูตรการแปรรูปอาหาร
           -> หลักสูตรอาชีพสำหรับเด็กพิการของศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 4 จังหวัดตรัง พุทธศักราช 2563
           -> 0
           -> การงานอาชีพ
           -> พาณิชยกรรมและบริการ
           -> ศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดสมุทรปราการมีการจัดกิจกรรมสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อ การพัฒนาทักษะอาชีพภายใต้หลักสูตรอาชีพ
           -> หลักสูตรปฐมวัย
               จำนวน.................หลักสูตร (ตัวเลข)
               จำนวนผู้เข้ารับการพัฒนา .....................คน (ตัวเลข)
     ด้านกระบวนการพัฒนา
           แบบอบรม/สัมมนา แบบรวมกลุ่ม มีวิทยากรบรรยาย คิดเป็นร้อยละ 44.44 (28/63)
           แบบสื่อออนไลน์ ผ่านระบบ Zm หรือแอพพลิเคชั่นต่างๆ คิดเป็นร้อยละ 23.81 (15/63)
           แบบเรียนรู้ด้วยตัวเอง คิดเป็นร้อยละ 31.75 (20/63)
           อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
           -> 1. นักเรียนตามหลักสูตรโครงการห้องเรียนอาชีพ 2. นักเรียนเรียงความหลักสูตรห้องเรียนพันธมิตร จากสถาบันปัญญาภิวัฒน์
           -> กิจกรรมในรูปแบบชุมนุมวิชาการ
           -> ฝึกปฏิบัติ
           -> เรียนในสถานประกอบการ
           -> ในด้านการพัฒนานักเรียนภายใต้หลักสูตรอาชีพของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดสมุทรปราการ ได้จัดแบบบูรณาการ เน้นย้ำไปที่ความสามารถที่แตกต่างของแต่ละบุคคล รวมไปถึงสภาพแวดล้อมแต่ละครอบครัว กระบวนการพัฒนามีทั้งรูปแบบการสอน 1 ต่อ 1 ในชั้นเรียน สอนเป็นกลุ่ม สอนแบบได้ลงปฎิบัติจริง และสุดท้ายคือการสอนแบบออนไลน์โดยผ่านผู้ปกครองในการเป็นผู้ช่วยและแนะนำในการฝึกปฎิบัติ
           -> ปลูกผักสวนครัวระดับชั้นเรียน
           -> ครูผู้สอนเปิดรายวิชาตามความถนัดของผู้เรียน
  2) ปัญหาและอุปสรรค
      ระยะเวลาในการพัฒนาไม่สัมพันธ์กับงบประมาณที่จัดสรร คิดเป็นร้อยละ 16.90 (12/71)
      นโยบายขาดความต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 16.90 (12/71)
      ขาดการมีส่วนร่วม คิดเป็นร้อยละ 5.63 (4/71)
      ขาดบุคลากรที่มีความชำนาญเฉพาะด้านในแต่ละหลักสูตร คิดเป็นร้อยละ 19.72 (14/71)
      วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือในการพัฒนาไม่เพียงพอ และไม่ทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 30.99 (22/71)
      รูปแบบการพัฒนายังยึดติดกับเนื้อหามากกว่าทักษะกระบวนการ คิดเป็นร้อยละ 9.86 (7/71)
      อื่นๆ ระบุ
      -> ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ทำให้ไม่สะดวกในการทำกิจกรรม
      -> นักเรียนบางคนไม่พร้อมทั้งทางด้านความพร้อมของครัวครัว และด้านเครื่องมือสื่อสาร
      -> ความพร้อมที่จะเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคนไม่เท่ากัน ในหลายๆด้าน เช่น ด้านอุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ ด้านสภาพความเป็นอยู่และด้านอื่นๆ
      -> กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่จำนวนลดลง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในพื้นที่ท่องเที่ยว
      -> ติดระเบียบเรื่องการเบิกจ่าย
      -> ค่าตอบแทนวิทยากรน้อย
      -> ไม่สามารถจัดกิจกรรรมการการเรียนการสอนได้ตามปกติ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
      -> สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) วิทยากรบางคนอยู่กลุ่มเสี่ยงสูงต้องกักตัว และบางพื้นที่เป็นหมู่บ้านเสี่ยงไม่สามารถดำเนินการจัดการจัดกิจกรรมได้
  3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
  
  4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่านที่คิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี)** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
  
  5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
      พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 3.38 (13/385)
      พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 7.01 (27/385)
      พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 3.12 (12/385)
      พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.26 (1/385)
      พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
4. ด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
4.1 การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วมและการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน
  1) สภาพความก้าวหน้า
     (1) การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน
          (1.1) การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษา
                สถานศึกษามีการจัดทำ/นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษา ทุกระดับการศึกษา ระบุ
                ครูได้รับการพัฒนาการจัดทำสื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัยและนำมาปรับใช้ในการเรียนการสอน คิดเป็นร้อยละ 30.17 (89/295)
                สถานศึกษามีการส่งเสริม สนับสนุน โดยการจัดการเรียนการสอน/กิจกรรม เพื่อให้ผู้เรียนได้รับ การส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน คิดเป็นร้อยละ 31.53 (93/295)
     (2) รูปแบบการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษาภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
           On-Site (การจัดการเรียนการสอนตามปกติ) คิดเป็นร้อยละ 24.39 (80/328)
           On Air (การเรียนการสอนผ่านทีวี/ผ่านระบบดาวเทียม/ระบบเคเบิลทีวี/ระบบ IPTV/ระบบ Zoom) คิดเป็นร้อยละ 10.98 (36/328)
           Online (การเรียนการสอนผ่านอินเตอร์เน็ต) คิดเป็นร้อยละ 24.39 (80/328)
           On Hand (การจัดการเรียนการสอนโดยนำหนังสือ แบบฝึกหัด ใบงาน ไปเรียนรู้ที่บ้านภายใต้ความช่วยเหลือของผู้ปกครอง) คิดเป็นร้อยละ 26.52 (87/328)
           On-Demand (การเรียนการสอนผ่านเว็บไซต์ DLTV ช่อง Youtube และแอพลิเคชัน DLTV บนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต และอื่นๆ) คิดเป็นร้อยละ 15.24 (50/328)
           รูปแบบผสมผสาน ระบุ
  2) ปัญหาและอุปสรรค
      ครูขาดการพัฒนาในการจัดทำสื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัยและนำมาปรับใช้ในการเรียนการสอน คิดเป็นร้อยละ 16.50 (34/206)
      ครูไม่มีความชำนาญในการใช้สื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 20.39 (42/206)
      ผู้เรียนขาดแคลนอุปกรณ์และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต สำหรับการเรียนการสอน คิดเป็นร้อยละ 39.32 (81/206)
      ผู้เรียนขาดการมีส่วนร่วมในการเรียน คิดเป็นร้อยละ 25.73 (53/206)
      อื่นๆ (ถ้ามี) ระบุ
      -> ระบุอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนด้านเทคโนโลยีของนักเรียนไม่รองรับกับโปรแกรมใหม่ๆ
      -> ผู้ปกครองมีฐานะยากจน ต้องทำงานไม่มีเวลาดูแลนักเรียนในช่วงระหว่างเรียนออนไลน์ ทำให้ผู้เรียนหลายคนขาดโอกาสในการเรียนรู้
      -> 3. นักเรียนมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีพื้นฐานแตกต่างกัน
      -> ผู้ปกครองไม่มีเวลาในการดูแลบุตรหลานให้เรียนออนไลน์
      -> สถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้มีข้อจำกัดในการเรียนรู้
      -> ผู้ปกครองและผู้เรียนยังไม่มีความพร้อมในการใช้เทคโนโลยีร่วมกับครูผู้สอน ส่งผลให้การจัดการเรียนการสอนมีข้อจำกัดและมีความยากลำบาก
      -> นักเรียนไ่เข้าใจในบทเรียน และให้ผู้ปกครองทำใบงานให้
      -> ผู้ปกครองบางท่านต้องไปทำงานทำให้นักเรียนในระดับมัธยมบางคนขาดความเอาใจใส่ในการเรียนแบบ Online
      -> นักเรียนบางคนไม่มีอุปกรณ์ในการเรียน Online
      -> ครูมีความชำนาญด้านการใช้สื่อฯ ไม่เท่ากัน
      -> งบอุดหนุนรายหัวไม่สามารถจัดซื้อครุภัณฑ์ อาทิ อุปกรณ์เครื่องคอมพิวเตอร์ได้
  3) สถานศึกษามีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ระบุตามข้อ 2) อย่างไร
  
  4) นวัตกรรม/รูปแบบ/แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ของสถานศึกษาท่าน ที่ท่านคิดว่าเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี (Best Practice) (ถ้ามี) ** แนบไฟล์ภาพ หรือรายละเอียด
  
  5) ท่านมีความพึงพอใจในการดำเนินงานตามนโยบายอยู่ในระดับใด
      พึงพอใจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 7.79 (30/385)
      พึงพอใจมาก คิดเป็นร้อยละ 17.66 (68/385)
      พึงพอใจปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 4.42 (17/385)
      พึงพอใจน้อย คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)
      พึงพอใจน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยละ 0.00 (0/385)