ข้อสรุปของ ข้อสรุปการตรวจราชการของศึกษาธิการภาค บันทึกเมื่อวันที่ Date: 12 มกราคม 2565
ตามที่ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ
(นายธฤติ ประสานสอน) ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการ เพื่อตรวจ ติดตามการดำเนินการบริหารจัดการและการจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ภาคเรียนที่ 2/๒๕๖๔ และนโยบายการตรวจราชการเฉพาะด้าน
(Agenda Based) การเข้าถึงทางการศึกษาสำหรับคนพิการและผู้ด้อยโอกาส
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 พร้อมรับฟังรายงานผลการดำเนินงานฯ รวมถึงปัญหาอุปสรรค
และข้อเสนอแนะของหน่วยงาน/สถานศึกษา ระหว่างวันที่ 16-17 พฤศจิกายน 2564 ณ จังหวัดตรัง และตรวจเยี่ยมหน่วยงาน/สถานศึกษา
จำนวน 4 แห่ง ดังนี้
1. กศน. อำเภอเมืองตรัง
(กศน.จ.ตรัง)
2. โรงเรียนบ้านโคกชะแง้ อ.เมือง จ.ตรัง (สพป.ตรัง
เขต 1)
3. โรงเรียนวัดสาริการาม อ.เมือง จ.ตรัง (สพป.ตรัง
เขต 1)
4.
ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขต 4 จังหวัดตรัง
จากการลงพื้นที่ตรวจราชการตามนโยบายการตรวจราชการฯ รอบที่ 1
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และรับฟังรายงานผลการดำเนินงานฯ ในภาพรวม พบว่า หน่วยงาน/สถานศึกษา
มีการบริหารจัดการตามบริบทของพื้นที่อย่างหลากหลาย ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานได้บรรลุผลสำเร็จตามนโยบายการตรวจราชการเฉพาะด้าน (Agenda Based) การเข้าถึงทางการศึกษาสำหรับคนพิการและผู้ด้อยโอกาสของกระทรวงศึกษาธิการ
โดยสรุปผลการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะ ตามแบบรายงานฯ ได้ดังนี้
สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
จ.ตรัง ประกอบด้วย กศน.อำเภอทั้งสิ้น 10 แห่ง มีบุคลากรของสำนักงาน
กศน.จ.ตรัง จำนวน 189 คน นักศึกษาที่ลงทะเบียนภาคเรียนที่ 1/2564 จำนวน 5,797 คน ได้ร่วมกันวางแผนการดำเนินการจัดการเรียนการสอนไปในทิศทางเดียวกัน
โดยสำรวจข้อมูลคนพิการในพื้นที่รับผิดชอบ วิเคราะห์ผู้เรียนตามศักยภาพและความพร้อม
เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้มีความเหมาะสมในแต่ละบุคคล ให้ผู้พิการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา โดยปีการศึกษา 2563 และปีการศึกษา
2564 มีจำนวนเด็กพิการทั้ง 9 ประเภท ที่ได้รับการศึกษาภายในสถานศึกษา
จำนวนรวม 283 คน และ 260 คน ตามลำดับ จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบ
ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ดำเนินการจัดการเรียนการสอน โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (Covid-19) ในรูปแบบ On hand เป็นการจัดหาสื่อแบบเรียน
เพื่อนำไปเรียนรู้ที่บ้านโดยความช่วยเหลือของผู้ปกครอง และการจัดการเรียนการสอนแบบ
Online
ให้แก่ผู้เรียนคนพิการที่มีความพร้อมในการเรียนรู้ เสริมสร้างทักษะชีวิต
การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การเรียนรู้ตามอัธยาศัย ส่งเสริมอาชีพให้กับผู้เรียน
และขณะนี้กำลังดำเนินโครงการระนองโมเดล เพื่อปักหมุดนักเรียนพิการ
เก็บรวบรวมข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ ให้ครบทุกคน
และจากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษา
ณ กศน. อำเภอเมืองตรัง พบว่า
กศน.อ.เมืองตรัง มีพื้นที่รับผิดชอบจำนวน
15 ตำบล มีบุคลากรของสำนักงาน จำนวน 26 คน นักศึกษาที่ลงทะเบียนในปีการศึกษา 2564
จำนวน 1,777 คน ดำเนินการสำรวจข้อมูลคนพิการในพื้นที่รับผิดชอบ
วิเคราะห์ผู้เรียนตามศักยภาพและความพร้อม
เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้มีความเหมาะสมในแต่ละบุคคล
ให้ผู้พิการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา
โดยการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.
2551 โดยในปีการศึกษา 2564 มีจำนวนเด็กพิการทั้ง 9 ประเภท จำนวน 27 คน ดังนี้
ความพิการประเภทที่ 2 บุคคลที่บกพร่องทางการได้ยิน จำนวน 2 คน
ความพิการประเภทที่ 3
บุคคลที่บกพร่องทางสติปัญญา จำนวน 6 คน
ความพิการประเภทที่ 4
บุคคลที่บกพร่องทางกายหรือสุขภาพ จำนวน
15 คน
ความพิการประเภทที่ 5
บุคคลที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ จำนวน 2 คน
ความพิการประเภทที่ 8
บุคคลออทิสติก จำนวน 2 คน
สภาพปัญหาและอุปสรรค
1) ผู้เรียนอยู่ในพื้นที่ห่างไกล
ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ประกอบกับช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (Covid-19)
ทำให้ไม่สะดวกในการจัดการเรียนการสอน
2) ผู้เรียนไม่มีสมาร์ทโฟนของตนเอง
ต้องจัดการเรียนการสอนหลังผู้ปกครองเลิกงานซึ่งเป็นเวลาที่ไม่พร้อมในการเรียนรู้
แนวทางการพัฒนา
1) ใช้เทคนิคการสอนที่มีความหลากหลายเพื่อดึงความสนใจของผู้เรียนคนพิการให้มากขึ้น
2) พัฒนาครูผู้สอนในการใช้เทคนิคการสอนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ
มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ เกิดความสนุกสนาน มีความสุขกับการเรียน เช่น
การสอนเสมือนการค้าออนไลน์ และ ไลฟ์สด
3) ผู้พิการที่ไม่สามารถเรียนต่อได้
ควรมีระบบส่งต่อให้หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป
4) จัดทำฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน
ระบุประเภทความพิการที่ชัดเจน เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการจัดเก็บข้อมูล
ส่วนการติดตามนโยบายการตรวจราชการเฉพาะด้าน
(Agenda Based) การเข้าถึงทางการศึกษาสำหรับคนพิการและผู้ด้อยโอกาส
ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 1 ในภาพรวม พบว่า สพป.ตรัง
เขต 1 มีพื้นที่รับผิดชอบ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองตรัง อ.ปะเหลียน อ.ย่านตาขาว
อ.นาโยง และ อ.หาดสำราญ ปีการศึกษา 2564 มีจำนวนโรงเรียนในสังกัด 132 โรงเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา
จำนวน 1,844 คน นักเรียน จำนวน 21,358 คน จำแนกเป็นนักเรียนพิการทั้ง 9 ประเภท
จำนวน 816 คน เด็กด้อยโอกาส จำนวน 10,793 คน ข้าราชการครูและพี่เลี้ยงเด็กพิการโรงเรียนที่จัดการศึกษาเรียนรวม
จำนวน 133 คน จัดการเรียนการสอนสำหรับ 1) เด็กพิการเรียนรวม ส่งเสริม
สนับสนุนให้ผู้เรียนที่เป็นเด็กพิการทั้ง 8 ประเภทความพิการ (ยกเว้นทางการมองเห็น)
ได้เข้าถึงโอกาสทางการศึกษาและได้รับการพัฒนาให้มีพัฒนาการที่ดีขึ้น
เหมาะสมกับประเภทความพิการ มีความรู้ ทักษะตามหลักสูตร ตลอดจนมีเจตคติ
คุณธรรมและจริยธรรม ครูออกแบบการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมโดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (Covid-19)
โดยใช้รูปแบบผสมผสานทั้ง 4 รูปแบบ ได้แก่ On
Air Online On Demand และ On Hand ภายใต้การสนับสนุนของผู้ปกครองและศูนย์การศึกษาพิเศษ
เขตการศึกษา 4 จ.ตรัง 2) เด็กด้อยโอกาส
ส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาให้มีความรู้
สมรรถนะหรือทักษะอาชีพในด้านต่าง ๆ เพื่อการประกอบอาชีพ โดยส่งเสริม
สนับสนุนให้สถานศึกษาจัดโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา
โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันในโรงเรียนตามแนวพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี โรงเรียนได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)
โครงการห้องเรียนอาชีพในสถานศึกษากับสถาบันอาชีวศึกษาใน จ.ตรัง
และจากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษา
ณ โรงเรียนบ้านโคกชะแง้ อ.เมือง จ.ตรัง (สังกัด สพป.ตรัง เขต 1) จัดการศึกษาในระดับปฐมวัย
และระดับประถมศึกษา ปีการศึกษา 2564 มีจำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 126 คน
จำนวนนักเรียนพิการทั้ง 9 ประเภท รวม 21 คน ดังนี้
ความพิการประเภทที่ 3 บุคคลที่บกพร่องทางสติปัญญา จำนวน 4 คน
ความพิการประเภทที่ 5
บุคคลที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ จำนวน 5 คน
ความพิการประเภทที่ 8
บุคคลออทิสติก จำนวน 5 คน
ความพิการประเภทที่ 9
บุคคลพิการซ้ำซ้อนที่สามารถจัดการเรียนการสอนได้
จำนวน 7 คน
และนักเรียนผู้ด้อยโอกาส
มีเพียงประเภทเด็กยากจน(มากเป็นพิเศษ) รวม 45 คน มีครูและบุคลากรทางการศึกษาที่รับผิดชอบการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการและผู้ด้อยโอกาสจากศูนย์การศึกษาพิเศษ
2 คน ร่วมจัดการเรียนการสอนแบบห้องเรียนคู่ขนานสำหรับบุคคลออทิสติกในโรงเรียน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนมีพัฒนาการทางด้านร่างกาย
อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญหาที่เหมาะสมกับความความสามารถของแต่ละบุคคล
มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองและส่วนรวม รู้จักเสียสละ ช่วยเหลือผู้อื่น
มีจิตสาธารณะ อยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างมีความสุข
สภาพปัญหาอุปสรรค
สภาพพื้นที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการจัดการเรียนรู้
เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน ให้เป็นไปตามแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Program : IEP)
แนวทางการพัฒนา
1) จัดสรรงบประมาณในการจัดพื้นที่
สภาพแวดล้อมที่มีความพร้อม เพื่อรองรับการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลของผู้เรียน
2) โรงเรียนประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้เชี่ยวชาญ
เพื่อให้ความรู้กับผู้ปกครองในการดูแลนักเรียนพิการและนักเรียนด้อยโอกาส
เพื่อพัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพ
ส่วน
โรงเรียนวัดสาริการาม อ.เมือง จ.ตรัง (สังกัด สพป.ตรัง เขต 1) มีการจัดการศึกษาในระดับปฐมวัย
และระดับประถมศึกษา ปีการศึกษา 2564 มีจำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 57 คน จำนวนนักเรียนพิการทั้ง 9 ประเภท รวม 32 คน ได้แก่
ความพิการประเภทที่ 2 บุคคลที่บกพร่องทางการได้ยิน จำนวน
1 คน
ความพิการประเภทที่ 3 บุคคลที่บกพร่องทางสติปัญญา จำนวน
5 คน
ความพิการประเภทที่ 4
บุคคลที่บกพร่องทางกายหรือสุขภาพ
จำนวน 1 คน
ความพิการประเภทที่ 5
บุคคลที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
จำนวน 14 คน
ความพิการประเภทที่ 8
บุคคลออทิสติก จำนวน 7 คน
ความพิการประเภทที่ 9
บุคคลพิการซ้ำซ้อนที่สามารถจัดการเรียนการสอนได้
จำนวน 4 คน
และนักเรียนผู้ด้อยโอกาส
มีเพียงประเภทเด็กยากจน(มากเป็นพิเศษ) รวม 12 คน
สภาพปัญหาอุปสรรค
1) บุคลากรครูไม่ครบชั้น การจัดการเรียนการสอนจึงต้องควบรวมชั้น
ส่งผลให้การประเมิน RT ของนักเรียนไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
2) โรงเรียนขาดผู้บริหาร
มีผู้อำนวยการรักษาการ ซึ่งต้องดูแลสถานศึกษา 2 แห่ง ทำให้บริหารจัดการได้ไม่เต็มศักยภาพ
แนวทางการพัฒนา
1) จัดสรรผู้บริหาร และบุคลากรครู
ให้เพียงพอเพื่อขับเคลื่อนสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2) สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาของโรงเรียนให้มีความเข็มแข็ง
ร่วมกันรับผิดชอบการจัดการศึกษา เพื่อขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษา
อีกทั้งยังได้ตรวจเยี่ยม ณ ศูนย์การศึกษาพิเศษ
เขตการศึกษา 4 จ.ตรัง (สังกัด สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สพฐ.) มีการจัดการศึกษาในระดับปฐมวัย ระดับประถมศึกษา
และมัธยมศึกษา ปีการศึกษา 2564
มีจำนวนนักเรียนพิการทั้งสิ้น 304 คน ให้บริการนักเรียนพิการทุกประเภท
ครอบคลุมทุกพื้นทั้ง 10 อำเภอ โดยจัดการศึกษาในรูปแบบ 1) ไป-กลับ
แบบหมุนเวียนที่ศูนย์ฯ 2) หน่วยบริการ แบบหมุนเวียน 3) ให้บริการที่บ้าน 4)
ห้องเรียนอาชีพ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเป้าหมายสาธารณะ คือ
นักเรียนที่รับบริการในศูนย์การเรียนเด็กเจ็บป่วยในโรงพยาบาล
และโรงเรียนที่จัดการเรียนรวม ดำเนินการจัดการศึกษาตามแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล
โดยในปีการศึกษา 2563 ผลการพัฒนาศักยภาพผู้เรียนสูงกว่าค่าเป้าหมาย
ผู้เรียนมีความพร้อมเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนผ่านหรือส่งต่อสูงกว่าค่าเป้าหมาย
และผู้เรียนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์สูงกว่าค่าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง
ผ่านโครงการ/กิจกรรม เช่น
โครงการค้นหาเด็กพิการที่ไม่ได้รับการศึกษาตามนโยบายขับเคลื่อนจัดการศึกษาสำหรับคนพิการตามนโยบาย
Quick Win
โครงการปักหมุดจัดระบบข้อมูลสารสนเทศออนไลน์ โครงการปรับบ้านเป็นห้องเรียน
เปลี่ยนพ่อแม่เป็นครู โครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน
โครงการส่งเสริม สนับสนุนการจัดการเรียนรวม
ทำให้สามารถค้นหานักเรียนพิการที่ตกหล่น อยู่นอกพื้นที่ ย้ายถิ่นฐาน
หรือนักเรียนออกกลางคัน เพื่อให้การช่วยเหลือ
สนับสนุนค่าใช้จ่าย ให้ความรู้กับพ่อแม่ผู้ปกครองในการจัดการเรียนให้กับนักเรียนพิการได้อย่างถูกต้อง
สภาพปัญหาอุปสรรค
กลุ่มนักเรียนพิการของศูนย์ฯ มีความหลากหลายในการจัดการเรียนรู้
ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19)
ทำให้ต้องปรับรูปแบบการจัดการเรียนการสอน โดยใช้รูปแบบ Online, On-hand
ตามบริบทและความพร้อมของครบอครัว
รูปแบบดังกล่าวยังไม่สามารถตอบสนองต่อวิธีการเรียนรู้ของผู้เรียน
เนื่องจากการสอนนักเรียนพิการต้องใช้เทคนิคและวิธีการเฉพาะ
แนวทางการพัฒนา
จัดทำแผนการเปิดภาคเรียนในรูปแบบ Onsite เพื่อให้ผู้เรียนได้มารับบริการที่ศูนย์ ตามแนวทาง Safety Zone School แบบไป-กลับ ในลักษณะ small bubble พร้อมทั้งจัดทำแผนเผชิญเหตุ หากเกิดกรณีการติดเชื้อในสถานศึกษา
ข้อเสนอแนะของผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ
(นายธฤติ ประสานสอน)
เด็กหลุดระบบการศึกษา คือ
เด็กที่ไม่จบการเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 พบมากที่สุดในกลุ่มเด็กด้อยโอกาส ดังนั้นการปักหมุดผู้เรียนทั้ง
3 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มคนพิการ (9 ประเภท) 2) เด็กด้อยโอกาส (10 ประเภท) 3) กลุ่มเปราะบาง คือ กลุ่มเด็กประเภทที่
1+ประเภทที่ 2 และกลุ่มเด็กประเภทที่ 3) จะช่วยค้นหาประชากรวัยเรียน เพื่อนำไปสู่การแนะแนวการศึกษาก่อนนำเข้าสู่ระบบ
ซึ่งผู้เรียนจะมีความพร้อมเข้าศึกษาต่อแบบไหน อย่างไรขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละบุคคล
หน่วยงานจึงควรจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับแต่ละคน อันจะเป็นการนำเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้ที่แท้จริง
แต่ที่ผ่านมาบางส่วนจะเป็นการแนะนำแล้วนำเข้าสู่ระบบการศึกษาเลย ไม่สอดคล้องกับบริบทของแต่ละคน
ทำให้ไม่ตรงกับความต้องการ ไม่อยากเรียน หรือเรียนได้ไม่ดีเท่าที่ควร
ขอให้สำนักงานศึกษาธิการภาค 6
ร่วมกับสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดและหน่วยงานในพื้นที่ ออกแบบจัดทำข้อมูลสารสนเทศประชากรวัยเรียนในพื้นที่
เพื่อใช้เป็นข้อมูลนำเข้าสู่ระบบการศึกษาต่อไป โดยเก็บรวบรวมข้อมูล
ประชากรที่อยู่ในวัยเรียนในแต่ละพื้นที่ จัดอยู่กลุ่มผู้พิการ กลุ่มผู้ด้อยโอกาส
หรือกลุ่มเปราะบาง เข้าสู่ระบบการศึกษาแล้วกี่คน เรียนอยู่ที่ไหน เรียนอย่างไร
และหลุดระบบการศึกษากี่คน ทำอะไรอยู่ นำข้อมูลเหล่านี้ไปจัดทำเป็นแผนงาน โครงการ
หรือกิจกรรม ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานต่อไป
ดังนั้น จึงมีการปักหมุด เพื่อนำเข้าสู่ระบบการศึกษาโดยใช้
“อันดามันโมเดล” หน่วยงาน/สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนโดยคำนึงถึงคุณภาพของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกัน
เช่น นักเรียนพิการ คุณภาพ คือ เสริมสร้างทักษะวิชาชีวิต เสริมสร้างทักษะวิชาชีพ
แล้วค่อยเสริมสร้างทักษะวิชาการ นักเรียนทั่วไป เสริมสร้างทักษะวิชาการ
เสริมสร้างทักษะชีวิต แล้วจึงเสริมสร้างทักษะวิชาชีพ กลุ่ม ปวส.1 เสริมสร้างทักษะวิชาชีวิต เสริมสร้างทักษะวิชาชีพ แล้วจึงเสริมสร้างทักษะวิชาการ
ซึ่งในปัจจุบัน กศน.ทั้ง 6 จังหวัดในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 6 ขับเคลื่อนฯ โดยใช้
“ระนองโมเดล” ได้เริ่มดำเนินการปักหมุดผู้เรียนในแต่ละพื้นที่
ตรวจเยี่ยมเป็นรายบุคคล และค้นหาผู้เรียนตกหล่นเพื่อนำเข้าสู่ระบบการศึกษาได้ครบ
บันทึข้อมูลโดย: